วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ส่งท้ายปีเก่า กับ สรุป ข่าวปลอม และเว็บสื่อโซเชียลผิดกฏหมายปี 63 และปิดท้ายด้วย 29 ธันวาคมวัน Tick Tock Day


สรุปตัวเลขข่าวปลอมส่งท้ายปี 63 พบจำนวนข่าวที่ต้องคัดกรองกว่า 39 ล้านข้อความ และเข้าเกณฑ์ตรวจสอบ 7,420 เรื่อง ขณะที่เพจอาสาจับตาออนไลน์ ได้ใจประชาชนมีจำนวนแจ้งเบาะแสเฉลี่ยวันละ 280 เรื่อง โดย 3 อันดับแรกที่มีการแจ้งเข้ามามากที่สุด ได้แก่ ความมั่นคง, ความมั่นคง/การเมือง และพนันออนไลน์ โชว์ผลงานไตรมาส 4 ปิดเว็บพนันแล้ว 299 ยูอาร์แอล เงินหมุนเวียนกว่า 35,000 ล้านบาท ประกาศชวน 4 หน่วยงานในสังกัดเตรียมมอบบริการฟรี และส่วนลดค่าบริการเป็นของขวัญปี 64 สำหรับประชาชน

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวแถลงผลการดำเนินงานของกระทรวงฯ ในการปราบปรามข่าวปลอม และเว็บไซต์/สื่อสังคมออนไลน์ผิดกฎหมาย วันนี้ (22 ธ.ค.63) ว่า 

ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย ได้รวบรวมข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.62 – 18 ธ.ค. 63 พบว่า มีข้อความข่าวที่ต้องคัดกรองทั้งหมด 39,209,284 ข้อความ โดยมีข้อความข่าวที่เข้าเกณฑ์ดำเนินการตรวจสอบ 20,829 ข้อความ และหลังจากคัดกรองพบจำนวนเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 7,420 เรื่อง
โดยช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุดอันดับ 

1 คือ ระบบดักจับการสนทนาบนโลกออนไลน์ (Social Listening Tools) พบจำนวน 38,956,319 ข้อความ คิดเป็นสัดส่วนถึง 99.35% [เรืองนี้น่าสนใจว่าทุกวันนี้ ประชาชนถูกดักฟังจากรัฐแล้วใช่ไหม ดังนั้น จะดักฟังว่าบ่อน อยู่ที่ไหน ก็คงไม่น่าจะยาก ]

รองลงมาคือ บัญชีไลน์ทางการ เฟซบุ๊กเพจ และเว็บไซต์ทางการของศูนย์ฯ ตามลำดับ

ทั้งนี้ เมื่อแยกประเภทข่าวที่ต้องตรวจสอบ 7,420 เรื่อง มากกว่าครึ่ง หรือ 56% เป็นข่าวในหมวดสุขภาพ มีจำนวน 4,190 เรื่อง ตามมาด้วยหมวดนโยบายรัฐ 2,809 เรื่อง คิดเป็น 38% หมวดเศรษฐกิจ 266 เรื่อง คิดเป็น 4% และหมวดภัยพิบัติ 155 เรื่อง หรือประมาณ 2% ขณะที่ สัดส่วนข่าวปลอม ข่าวจริง และข่าวบิดเบือนในรอบปี 63 อยู่ที่อัตรา 7 ต่อ 2 ต่อ 1

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ด้านเพจ “อาสา จับตา ออนไลน์” มีประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสเว็บ/สื่อสังคมออนไลน์ผิดกฎหมายเข้ามา ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.-17 ธ.ค. 63 รวมทั้งสิ้น 39,300 เรื่อง หรือเฉลี่ยวันละ 280 เรื่อง โดยหลังจากตรวจสอบข้อมูล มีการเก็บหลักฐานนำส่งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องตวจสอบและดำเนินการ 16,048 เรื่อง คิดเป็น 41% ส่วนอีก 23,222 เรื่อง หรือ 59%

 การตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบยูอาร์แอล/หลักฐาน โดยสาเหตุส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีการลบโพสต์หรือยูอาร์แอลนั้นไปก่อนแล้วเนื่องจากเกรงกลัวการบังคับใช้กฎหมาย

ในส่วนที่มีการเก็บหลักฐานและส่งดำเนินการตามกฎหมาย พบว่า เป็นประเภทความผิด ด้านความมั่นคง 42.72% จำนวน 6,855 เรื่อง ตามมาด้วย ความมั่นคง/การเมือง 26.43% จำนวน 4,241 เรื่อง, การพนันออนไลน์ 17.73% จำนวน 2,845 เรื่อง, อื่นๆ 10.94% จำนวน 1,756 เรื่อง , การหลอกลวง 1.19% จำนวน 191 เรื่อง, ข่าวปลอม 0.63% จำนวน 101 เรื่อง และลามก 0.37% จำนวน 59 เรื่อง

สำหรับการแจ้งเตือนแพลตฟอร์มต่างๆ ตามมาตรา 27 แห่ง พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ ได้ดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้น 7 ครั้ง จำนวน 8,443 ยูอาร์แอล แบ่งเป็น เฟซบุ๊ก 5,494 ยูอาร์แอล โดยปิดกั้นแล้ว 3,107 ยูอาร์แอล, ยูทูบ 1,755 ยูอาร์แอล ปิดกั้นแล้ว 1,722 ยูอาร์แอล, ทวิตเตอร์ 674 ยูอาร์แอล ปิดกั้นแล้ว 63 ยูอาร์แอล และอื่นๆ จำนวน 520 ยูอาร์แอล ปิดกั้นแล้ว 133 ยูอาร์แอล

ในการรุกกวาดล้างเครือข่ายการพนันออนไลน์อย่างจริงจัง โดยตั้งแต่เดือน ก.ค. 63 ถึงปัจจุบัน ได้ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เร่งดำเนินการจนสามารถสืบสวน และดำเนินการจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ มีคำสั่งศาลให้ระงับการแพร่หลายข้อมูลการพนันแล้ว จำนวน 1,711 ยูอาร์แอล

ขณะที่ ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ผลการปฏิบัติการปิดกั้นเว็บการพนันออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. – 17 ธ.ค. 63 ได้ดำเนินการปิดกั้นแล้ว 299 ยูอาร์แอล จับกุมผู้ต้องหาได้ 143 ราย คิดเป็นมูลค่าเงินหมุนเวียนกว่า 35,000 ล้านบาท

10 ข่าวปลอมที่คนแชร์มากที่สุด

อันดับ 1 ดื่มสไปรท์ใส่เกลือ แก้ท่องร่วง ท้องเสียได้ อันดับ 2 คลอรีนในน้ำประปาเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็งเมื่อถูกความร้อน อันดับ 3 ใส่ผ้าอนามัยนาน ทำให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก อันดับ 4 งดใช้ตู้ ATM ที่ไม่มีไฟกระพริบตรงที่เสียบบัตร อันดับ 5 น้ำมันเบนซินมีสารระเหยดูดพิษจากแมลงกัดต่อยหายใน 3-5 นาที อันดับ 6 จัดตั้งจังหวัดในประเทศไทยเพิ่ม รวมเป็น 83 จังหวัด อันดับ 7 ผู้ประกอบการที่ใช้ตราฮาลาลบนสินค้า ไม่ต้องเสียภาษี

อันดับ 8 มหัศจรรย์น้ำปัสสาวะ รักษาโรคแก้ปวดเมื่อย ช่วยให้ตาใสมองเห็นชัด อันดับ 9 บริษัทชื่อดังฉลองวันพิเศษ แจกบัตรกำนัล สินค้า และรางวัลต่างๆ และอันดับ 10 กรอกแบบสอบถามจากหน่วยงานของรัฐลุ้นรับของรางวัลฟรี

อายุของผู้ที่แชร์ข่าวปลอม

รายงานจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวบรวมระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 18 ธ.ค. 63 เกี่ยวกับพฤติกรรมการโพสต์และแชร์ข่าวปลอม ของชาวโซเชียลในไทย พบว่า มีจำนวนผู้โพสต์ข่าวปลอม 787,055 คน และผู้แชร์ข่าวปลอม 28,519,534 คน
ข้อมูลระบุว่า ประชาชนในช่วงอายุ 25-34 ปี มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการเผยแพร่ข่าวปลอมมากสุด คิดเป็นสัดส่วนถึง 48.8% ส่วนกลุ่มอายุอันดับรองลงมา ได้แก่ 18-24 ปี, 35-44 ปี, 45-54 ปี และ 55-64 ปี ตามลำดับ โดยแบ่งกลุ่มตามเพศของพฤติกรรมเผยแพร่ข่าวปลอม มีสัดส่วนใกล้เคียงกัน คือ ผู้ชาย 51.8% และผู้หญิง 48.2% 
ขณะที่ อายุของผู้โพสต์ที่เข้าข่ายเป็นข่าวปลอม กลุ่มอายุ 25-34 ปี ยังนำเป็นอันดับ 1 คิดเป็น 48.9% ตามมาด้วย อายุ 18-24 ปี, 35-44 ปี , 45-54 ปี และ 55-64 ปี  ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย 53.0% ขณะที่ผู้หญิงอยู่ที่ 47.0%
ในด้านพฤติกรรมการแชร์ข่าวปลอม พบว่าอายุของผู้แชร์ที่เข้าข่ายเป็นข่าวปลอม เกินครี่งหรือประมาณ 53.3% อยู่ใน18-24 ปี อันดับรองลงมา คือ อายุ 25-34 ปี คิดเป็น 41.7% ตามมาด้วย อายุ 45-54 ปี และอายุ 55-64 ปี ประชาชนส่วนใหญ่ที่แชร์ข่าวปลอมเป็นผู้ชาย 49.4% ส่วนผู้หญิงอยู่ที่ 50.6%

ปีนี้คนไทยค้นหาอะไรกันบ้าง จาก google








Tick Tock Day 29 ธันวาคมคือวันอะไร

Tick Tock Day เป็นวันสำคัญเพื่อจะเตือนว่างานอะไรที่ยังทำไม่เสร็จ ในขณะที่กำลังจะสิ้นปี อะไรที่วางแผนไว้แล้วยังไม่ได้ทำเช่นการวางแผนภาษี การโอนทรัพย์สินให้ลูกหลาน ซึ่งต้องใช้ในการวางแผนภาษี การตรวจสอบตัวเองว่าได้ทำตามที่วางแผนที่จะอ่านหนังสือให้จบ

ที่สำคัญในวันนี้อีกอย่างคือการวางแผนเป้าหมายในปีถัดไปว่าจะทำอะไร

ประวัติของ Tick Tock Day

วันนี้ถูกกำหนดโดย Ruth และ Thomas Roy เจ้าของเว็บไซต์ wellcat.com และเป็นนักแสดง ผลงานที่เคยแสดง เช่น เรื่อง 12 Monkeys และเป็นนักจัดรายการวิทยุ พวกเขา กำหนดวันพิเศษไว้ 80 วัน 

และบังเอิญว่าวันที่ 29 เป็นวันที่เขากำหนดว่าเป็นวัน Tick Tock และมันตรงกับชื่อ ของ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียวีดีโอ TiK Tok ที่มีประเด็นกันมาทั้งปี



วิธีฉลองวัน TickTock

เขาบอกว่าวันนี้ควรหยุดเศร้าหยุดกังวน หยุดผิดหวังกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งปี อย่าไปเศร้ากับเรื่องที่ผ่านมาแล้วยังทำไม่เสร็จ ให้เดินหน้าวางแผนทำในปีถัดไป

หลายคนบอกว่าในเมื่อชื่อก็คล้ายกับ Tik Tok แพลตฟอร์มวีดีโอบนมือถือ เราก็ควรจะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วแล้วโพสต์วีดีโอแล้วบอกไปว่าปีหน้าตั้งใจจะทำอะไร

อ้างอิง

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ซานตาคลอสส่งของขวัญให้เด็กๆ แล้วปีนี้เด็กๆเขียนจดหมายถึงซานต้า ว่าอย่างไร ของขวัญส่งมาได้อย่างไร

 ทุกๆปี เด็กๆ จะเขียนจดหมายถึงซานตาคลอสกัน เด็กๆ ส่งไปที่ 123 ถนนเอลฟ์  ขั้วโลกเหนือ 88888 แล้วเด็กๆก็จะได้รับของขวัญจากซานตาคลอส พวกเราเชื่อเรื่องนี้หรือ ไม่ บางคนบอกว่า ของขวัญก็มาจาก พ่อ แม่ ของเด็กๆ เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะพบของขวัญตามที่ได้เขียนจดหมายถึงแซนตาคลอส ในประเทศไทยก็มีเรื่องเล่าติดตลกว่า ปีนี้ ซานตาคลอส น่าจะมาช้าไป 14 วันเพราะต้องถูกควบคุมอยู่ใน State quarantine

ผมอยากเล่าเรื่องนี้โดยได้รับแรงบันดลใจจากบทความใน นิวยอร์คไทม์ เพราะปีนี้เป็นปีที่ผู้คนทั่วโลก พบกับความยากลำบากของการระบาดของ corona virus แล้วเด็กๆ ที่พ่อแม่ของเขา อาจจะได้รับการลดเงินเดือน หรือ ออกจากงาน ว่าเด็กๆ เขียนจดหมายถึงแซนต้ากันว่าอย่างไรบ้าง

เมื่อเด็กๆ ส่งจดหมายไปถึงแซนต้า ตามที่อยู่แล้วทำไมเขาถึงได้รับของขวัญนั้นจริง ๆ ผมจะมาเฉลยว่าวันนี้แซนต้ามีอยู่จริง เพราะโครงการ Operation Santa ทำให้รู้ว่า ปีนี้มีเด็กๆเขียนจดหมายถึงซานตาคลอส 23,000 ฉบับ สามารถ เข้าไป ดูได้ที่เว็บ https://www.uspsoperationsanta.com/

บริการไปรษณีย์ของสหรัฐอเมริกาเป็นผู้รับผิดชอบจดหมายของประเทศ หลายพันคนถูกส่งไปยังซานตาคลอส ถึงขั้วโลกเหนือในแต่ละปี ภารกิจของโปรแกรม USPS Operation Santa (USPS ย่อมาจาก  United States Postal Service)ในการตอบจดหมายเหล่านี้

เด็กๆเขียนถึงซานต้า ว่าอย่างไรบ้าง นี้เป็นตัวอย่าง

“ ปีนี้ค่อนข้างลำบากเพราะโครนา” เธอเขียน “ ฉันหวังว่าจะได้ชุดเลโก้สักชุดเพราะแม่บอกว่าเธอไม่สามารถหาอะไรให้ฉันได้ในวันคริสต์มาสเพราะเธอไม่ได้รับค่าจ้างมากนัก”

มีเด็ก ๆ หลายคนพูดว่า 'ซานต้าคุณหาวิธีรักษาได้ไหม' หรือ "ซานต้าพ่อแม่ของฉันตกงาน" "

“ เนื่องจากโควิด -19 คริสต์มาสนี้ฉันจะไม่ได้รับของขวัญเพราะเรากำลังดิ้นรนเรื่องเงิน” แอชลีย์อายุ 14ปีจากแคลิฟอร์เนียผู้ขอบัตรของขวัญ Sephora และไฟ LED สำหรับห้องนอนของเธอเขียน “ พ่อแม่ของฉันไม่มีงานทำจริงๆ”

คุณแม่ลูกสี่คนหนึ่งในรัฐอิลลินอยส์ Glenda เขียนว่าชั่วโมงทำงานของเธอลดลงเพราะโรคระบาดและเธอกำลังดิ้นรน “ ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้โดยหวังว่าจะให้ลูก ๆ ของฉันมีเทศกาลคริสต์มาสธรรมดาในปีนี้ด้วยความช่วยเหลือจากคุณ” 


โครงการนี้เริ่มมาได้อย่างไร

เมือ 108 ปีก่อนจดหมายต่างๆที่ส่งถึงซานต้า ไม่ได้รับความสนใจมันถูกวางไว้เฉยๆ ปี 1912 ได้เกิดโครงการ USPS Operation Santa โดยบุรุษไปรษณีย์ ชื่อ Frank Hitchcock ได้เปิดห้อง จดหมายของซานต้า (santa mail room) เป็นครั้งแรก โดยอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ท้องถิ่นเปิดจดหมายเหล่านี้ให้พนักงานอ่านและตอบกลับ

1940 USPS Operation Santa Opens to the Public มีจดหมายหลั่งไหลเข้ามา และโครงการนี้ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไป องค์กรการกุศล บริษัท และบุคคลทั่วไปทั่วประเทศเข้าร่วมทั้งหมด

2017 USPS Operation Santa Goes Online USPS มุ่งมั่นที่จะทำให้ประสบการณ์เป็นดิจิทัลเพื่อให้ผู้คนสามารถมีส่วนร่วมและรับจดหมายได้มากขึ้น ในปี 2560 โปรแกรมออนไลน์เริ่มต้นในนิวยอร์ก



2019 2019 USPS Operation Santa Expands โครงการนี้ได้ขยายไปทั้วอเมริกา ทุกคนสามารถเข้ามาร่วมเติมเต็มในสิ่งต่าง ๆ ได้

2020 USPS Operation Santa Hits the Big Screen สารคดี Dear Santa ฉายรอบปฐมทัศน์ทั่วโลกพร้อมพาผู้ชมไปทัวร์ที่อบอุ่นของประเพณีวันหยุด 100 ปีนี้ ในโรงภาพยนตร์และออนดีมานด์ 4 ธันวาคมนี้




ผมเลือกเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังเพราะ เห็นว่าครอบครัวชาวอเมริกัน ยังสอนให้ลูกๆเขียน จดหมาย วาดรูปลงจดหมาย ส่งถึงซานต้า และยังทำกันเรื่อยมา ไม่ทิ้งการเขียนจดหมาย และเนื้อหาในปีนี้ แทบจะทั่วทุกมุมโลก ได้รับผลกระทบจาก โคโรน่า ไวรัสกันหมด และวันนี้ ประเทศไืทยของเราก็ เกิดการระบาดรอบใหม่ เลย ไม่อยากให้ทุกคนเครียดกันครับ  

บ้านเราก็มี ลุงซานต้า เป็นตู้ปันสุข ถ้าจะเอามาใช้กันอีกคงไม่มีใครว่าอะไร

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2563

ประเทศไทยจะไปดวงจันทร์ได้มั๊ย

 เป็นเรื่องที่พูดคุยกันทั้งโซเชียล ทันทีที่ “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประกาศว่า เร็ว ๆ นี้ ประเทศไทยจะเป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ที่สามารถผลิตยานอวกาศและส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 7 ปี ระหว่างการเปิดโครงการ “วัคซีนเพื่อคนไทย” ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิซียูเอ็นเทอร์ไพรส์ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วานนี้ (14 ธ.ค.63)

ปรากฏว่าโลกออนไลน์มีผู้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเผ็ดร้อน เช่น ประเทศไทยยังมีความ จำเป็นอีกมากมาย เช่นวัคซีน โควิด ถนนพระราม 2 ที่ยังสร้างไม่เสร็จสักที 

ความเห็นในเรื่องนี้คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะการสำรวจดวงจันทร์ให้งบประมาณสูงมากเป็นสิ่งที่หลายคนกังวล แต่สรุป ออกมา ได้ว่าคนส่วนใหญ่เป็นกังวลเรื่อง คอร์รัปชั่น กับเงินงบประมาณที่ใส่ลงไป

NASA เฉพาะโครงการอพอลโลทั้งหมด ใช้เงินไปรวมกันทั้งสิ้น 25,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ในยุคนั้นก่อนที่จะหยุดโครงการไป 48 ปี

มาดูเรื่องความพร้อมของหน่วยงานและกำลังคนของประเทศไทยที่มีความสามารถในเรื่องนี้กันครับ 

ไทยมี สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการวิจัยและค้นคว้าด้านดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ และด้านบรรยากาศวิทยาของประเทศ ซึ่งเป็นการวิจัยค้นคว้าทางด้านฟิสิกส์และองค์ประกอบของเทหวัตถุต่างๆ เช่น ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ กาแล๊กซี่ เอกภพ รวมถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับบรรยากาศของโลกเรา ซึ่งถือว่าเป็นการวิจัยขั้นพื้นฐานหรือเรียกว่าวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์

ประเทศไทยมี สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) มีดาวเทียมสำรวจภูมิศาสตร์โดยกำลังเตรียมการยิงดาวเทียม THEOS-2 ดาวเทียมสำรวจ จะแลดูเรื่องของระบบแผนที่ ที่ใช้ในระบบราชการ อาทิ การพัฒนาระบบการผลิต การบริการภาพถ่าย และภูมิสารสนเทศจากดาวเทียมที่อยู่ในเครือข่ายกว่า 30 ดวง, การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการใช้งานภูมิสารสนเทศจากดาวเทียม, การพัฒนาระบบประยุกต์ใช้แผนที่และภูมิสารสนเทศจากภาพถ่ายดาวเทียมตามภารกิจของหน่วยปฏิบัติต่างๆ รวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถของประเทศในการสร้างดาวเทียมและอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศอีกด้วย

หน่วยงานนี้มีนักวิจัยมากมายและมีการฝึกอบรม Space Science School ให้นักวิจัยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2559 และร่วมมือกับนักวิจัยและวิศวกรรุ่นใหม่ในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิคและจากทั่วโลก จะได้รับความรู้โดยตรงจากวิศวกรที่สังกัดองค์กรอวกาศจากทั่วโลก ในการกำหนดพันธกิจด้านอวกาศในเชิงลึก ทั้งในเชิงวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม เพื่อกระตุ้นให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศของนักวิจัยรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนากิจการด้านอวกาศของแต่ละประเทศในอนาคต

ปี 2557 เรามีนักวิจัยหญิงไทยคนแรกชื่อว่า “แน็ต” พีรวรรณ วิวัฒนานนท์ ได้ไปทำงานที่ NASA ท่ามกลางกระแสที่  NASA ปลดพนักงานออก และ ที่ผ่านมาเรามีนักวิจัยไทย เคยไปทำงานกับ NASA ที่คุ้นชื่อ

ปี 2557 เช่นกันเราก็มี วิศวกรดาวเทียม ซึ่งนับเป็นหญิงไทยคนแรก พิรดา เตชะวิจิตร์  ที่สร้างประวัติศาสตร์การเดินทางไปสู่อวกาศกับ “แอ็กซ์ อพอลโล” โดยมีผู้ผ่านเข้ารอบไปเข้าร่วมอบรมทั้งหมด 107 คน จาก 62 ประเทศทั่วโลก มาจากเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ นอกนั้นเป็นยุโรปกับอเมริกัน แต่คัดให้เหลือแค่ 23 คน แบ่งเป็นหญิง 2 คน ได้แก่ ไทยกับนอร์เวย์ ชาย 21 คน ไปทดสอบทั้งหมด 5 วัน

เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 เด็กไทยเจ๋งไม่แพ้ใครในโลก เมื่อเหล่าน้องๆ นักเรียนมัธยมศึกษาโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย (ก.ท) ได้สร้างดาวเทียมภายใต้ชื่อ “BCCSAT-1” ซึ่งถือเป็นดาวเทียมดวงแรกที่เป็นผลงานของเยาวชนไทย เป็นดาวเทียมขนาดเล็ก และกำลังส่งเข้าสู่อวกาศในเดือน มีนาคม.2564 นี้ โดยใช้ฐานส่งจรวดที่คาซัคสถาน รัฐเซีย โครงการนี้ โรงเรียนทำ MOU กับ มหาวิทยาลัยโตเกียว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และ บริษัท astroberry

ทำไมดวงจันทร์จึงเนื้อหอมมีหลายประเทศขึ้นไปสำรวจ เนื่องจากมีรายงานทางวิทยาศาสตร์ ว่าบนดวงจันทร์มีแร่ "ไอโซโทปฮีเลียม-3" หรือเรียกสั่นๆ ว่า ฮีเลียม-3 ที่สามารถนำมาใช้เป็นพลังงานสะอาด ไม่เกิดกัมมันตรังสี ใช้ผลิตไฟฟ้าได้เหมือน พลังงานนิวเคลีย [https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1503165] อีกแหล่งอ้างอิง http://www.nst.or.th/article/article492/article49203.html ที่กล่าวถึงเรื่องนี้เช่นกัน

ผมคิดว่าเรื่อง การสำรวจอวกาศ หรือส่งจรวดไปดวงจันทร์กับรัฐบาลไทย รัฐไม่ควรลงทุนในเรื่องนี้ รัฐควรลงทุนเรื่องการศึกษา ให้โอกาศเด็กไทยเข้าถึงเทคโนโลยีอวกาศ ตามความเห็นของต่างๆในโซเชียล แต่รัฐควรสนับสนุนให้เอกชนลงทุน จะลงทุนกันเองหรือร่วมมือกับนักลงทุนต่างประเทศ และ ก็สร้างเองไม่ใช่ซื้ออย่าเดียว  เปิดโอกาศให้นักวิจัยเอกชนให้ได้รับความสะดวก ซึ่งปัจจุบัน การสร้าง เครื่องพิมพ์สามมิติด้วยตัวเองยังต้องเอาไปขึ้นทะเบียน หรือ การจะถือครองโดรนที่สร้างเองยังต้องรวบรวมใบเสร็จต่างๆมาขึ้นทะเบียน 

ปัจจุบันเทคโนโลยี อวกาศถือได้ว่าเป็นที่สนใจของ นักลงทุนต่างชาติ เช่น SpaceX ที่กำลังทำ ยานอวกาศที่สามารถกลับมาลงจอดได้ การสร้าง Internet ดาวเทียม วงโครจตำที่ต้องใช้ดาวเทียม  12,000 ซึ่งใช้งบลงทุน เกือบ 1900 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้ขึ้นวงโครจรไปแล้ว กว่า 100 ดวง น่าจะสั่นสะเทือนวงการอินเตอร์เน็ต 5G ไม่น้อย SpaceX บริษัทเทคโนโลยีด้านอวกาศของ Elon Musk เตรียมที่จะระดมทุนก้อนใหม่ คาดว่าจะปิดดีลได้ในเดือนมกราคม 2564 ที่จะถึงนี้ และอาจทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งสูงไปถึง 92,000 ล้านเหรียญสหรัฐ 

อีกโครงการ Blue Origin ของมหาเศรษฐี Jeff Bezos ที่เป็นผู้สนับสนุนเงินทุนในการพัฒนาโครงการด้วยตัวเองใช้เวลาแค่ สี่ปี ก็สามารถทดลองการยิงจรวจได้แล้ว เป็นอีกโครงการที่เป็นคู่แข่งกับ SpaceX

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.thairath.co.th/scoop/1938120

http://www.nst.or.th/article/article492/article49203.html

https://www.posttoday.com/ent/celeb/276628

https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1503165

การแข่งขันทาง อวกาศ

https://brandinside.asia/space-flight-for-spacex-is-not-blue-origin-it-is-china/

https://brandinside.asia/spacex-prepared-to-raise-new-funding-maybe-valuation-up-to-92-billion-usd-15-dec-2020/

 


วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เมื่อ กขค. ประกาศเกณฑ์มากำกับแพลตฟอร์ม ฟู้ดเดลิเวอรี่ ร้านอาหาร

สถานการณ์โควิดที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาสั่งอาหารกลับไปทานที่บ้านมากขึ้น ร้านค้าต่างๆก็หันมาใช้บริการ ฟู้ดเดลิเวอรี่ ในการส่งอาหาร ทำให้ สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค) ต้องออกแนวทางเพื่อป้องกัน ร้านค้ารายย่อยถูกเอาเปรียบ และ (กขค) ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 พฤษจิกายน และจะมีผลบังคับใช้อีก30วัน

ตัวอย่างร้านค้าที่อาจจะถูกเอาเปรียบ
การเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ค่าตอบแทน หรือผลประโยชน์อื่น ๆ ที่ไม่เป็นธรรม   ร้านค้ารายย่อยอาจถูกเอาเปรียบจากการขึ้นราคาค่าทำเนียมโดยไม่มีเหตุจำเป็น
ร้านค้าอาจะถูกเอาเปรียบในการผูกขาดทำสัญญากับรายใดรายหนึงเท่านั้นห้ามทำสัญญากับรายอื่น
การเรียกเก็บค่าส่งเสริมการขายในโอกาสพิเศษทางการตลาด (Promotion)ที่เป็นการเรียกเก็บโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

สำหรับรายะเอียดเพิ่มเติม อ่านได้ที่เว็บไซต์ราชกิจานุเบกษา  http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/E/274/T_0014.PDF

ลองมาวิเคราะห์จากการที่ กขค ออกประกาศแนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบธุรกิจให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์มรับและส่งอาหารกับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ภาครัฐรีบทำเรื่องนี้ก่อน เพราะปัจจุบันการแข่งขั้นเพื่อดึงลูกค้าไว้นั้นมีสูงมาก และ ผู้ให้บริการบางราย มีทุนจากต่างประเทศกัน ทั้งนั้น การแข่งขั้นส่งฟรีทำให้ผู้บริโภคได้เปรียบ แต่ ร้านค้ารายย่อยอาจจะทีต้นทุนที่มากขึ้น

เมื่อมีคำถามว่าภาครัฐน่าจะเป็นผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ ความเห็นส่วนตัว ภาครัฐไม่ควรลงมาทำเรื่องนี้เองเพราะการแข่งขั้นต้องใช้เงินลงทุนสูงหลักพันล้าน และอีกทั้งถ้าหากรัฐจะทำเอง ก็จะมาในรูปแบบรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นจะมีเรื่องของการต้องออก พรบ สำหรับหน่วยงานนี้ และ จะต้องมีเรื่องของสวัสดิการ ต่างๆ ขึ้นมา และหลายครั้งที่รัฐเข้ามาทำอะไรแข่งกับเอกชน พบว่าเอกชนที่มักจะเกิดปัญหาตามมา เช่นผูกขาดรัฐกับรัฐซื้อขายกันเองซึ่งมีให้เห็นกันอยู่  รัฐควรมีหน้าที่กำกับดูแล อย่างที่ทำตอนนี้อยู่ก็ดีแล้ว ให้เอกชนเขาแข่งขั้นกัน และส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในบริษัทเกิดใหม่  บริษัทไปรษณีย์ไทย ก็มีแนวคิดที่จะทำมาก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อส่งอาหารชื่อดังจากท้องถิ่นมาในกรุงเทพ หรือ ส่งผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของกิจการของรัฐ และตอนนี้ ก็มี ธนาคารเข้ามาลงทุนกับ ฟู้ดเดลิเวอรี่ อีกด้วยเช่น แอป Robinhood ที่ลงทุนโดย SCB x10

ช่วงนี้การแข่งขั้นสูงสาเหตุเกิดจากโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลที่ออกค่าใช้จ่ายให้ 150 บาทต่อวันพบว่าคนส่วนใหญ่ใช้จ่ายในเรื่องของการซื้ออาหาร และ สินค้าในร้านธงฟ้า จึงเป็นเหตุให้ นอกจากธุรกิจร้านอาการจะคึกคักแล้ว กิจการส่งอาหารก็คึกคักไปด้วย 

ปัจจุบันผู้ให้บริการ ฟู้ดเดลิ้เวอร์รี่ มีรายใหญ่ ๆ ดังนี้ 
บทความจากแบนด์อินไซต์ https://brandinside.asia/food-delivery-competition-in-thailand/

Line Man Wongnai 

ก่อนหน้านี้ไม่นาน LINE MAN เพิ่งจะประกาศควบรวมกิจการกับ Wongnai กลายเป็น LINE MAN Wongnai โดยได้รับเงินลงทุนประมาณ 3,300 ล้านบาท ให้บริการในพื้นที่ 13 จังหวัด และกำลังขยายไปต่างจังหวัดในอนาคต สำหรับ Line man แถวหัวหิน มีร้ารร่วมรายการน้อย

จุดเด่นของ LINE MAN Wongnai

มีร้านอาหารให้เลือกกว่า 100,000 ร้าน โดยได้ข้อมูลร้านอาหารจากแอปพลิเคชัน Wongnai ที่มีจุดเด่นเรื่องการรวบรวมรีวิวร้านอาหารจากผู้ใช้งานในไทย รวมถึงสามารถกดสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน Wongnai ได้เลย ค่าส่งถูก 3 กิโลเมตรแรกส่งฟรี (สำหรับร้านที่ร่วมเป็น Partner)

สั่งอาหารจากร้านที่อยู่ไกลๆ เกิน 10 กิโลเมตรได้ ไม่จำกัดระยะทาง

เชื่อมต่อกับ Rabbit LINE Pay ที่คนกรุงเทพฯ นิยมใช้งานกันอยู่แล้ว จ่ายเงินสะดวก

GRAB Food

Grab เป็นหนึ่งในบริษัทสตาร์ทอัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่งในสิงคโปร์ เรียกได้ว่าเป็น ยูนิคอร์น ด้วยมูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.4 แสนล้านบาท โดยเริ่มให้บริการในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2013 ปัจจุบันกล่าวได้ว่า Grab เป็นผู้นำในตลาด Food Delivery ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งนอกจากบริการ Food Delivery ทาง Grab ก็ยังมีบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการขนส่งให้บริการอยู่ด้วย เดิมในประเทศไทย Grab มีคู่แข่งสำคัญคือ Uber ก่อนที่ Grab จะควบรวม Uber (ซึ่งมีบริการ Ubereat) ทำให้ลดทอนการแข่งขันในตลาดลงไปอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ผมได้มาลองเปิด GRAB Food ที่หัวหิน ใช้งานได้

จุดเด่น Food Delivery ของ GrabFood

มี Partner ที่เป็นผู้ขับ 100,000 คน ทั่วประเทศ มีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ทุกร้านอาหารบน GrabFood ชำระเงินผ่าน บัตรเครดิต เดบิต และ GrabPay ได้ มีส่วนโปรโมชันเป็น Code ส่วนลด ร่วมกับบัตรเครดิต ธนาคาร หรือเครือข่ายโทรศัพท์ต่างๆ ค่าบริการจัดส่ง 10 บาท ในระยะทาง 5 กิโลเมตรแรก

Gojek

Gojek เป็นยูนิคอร์นจากประเทศอินโดนีเซีย เป็นซูเปอร์แอป ที่มีแทบทุกบริการอยู่ในนั้น ช่วงแรกที่เข้ามาไทยใช้แบรนด์ Get ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2562 ก่อนจะรีแบรนด์ใหม่กลับมาเป็น Gojek ส่วนหนึ่งน่าจะทำให้การทำตลาดภายใต้แบรนด์ Gojek กับกลุ่มประเทศใกล้เคียง คือ อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และ เวียดนาม มีพลังและความชัดเจนมากขึ้น ไม่ต้องแยกแบรนด์ให้วุ่นวาย

จุดเด่น Food Delivery ของ Gojek

Get เดิม ที่มีผู้ใช้งานสั่งอาหารกว่าหนึ่งล้านครั้ง ในระยะเวลาหลังเริ่มให้บริการเพียงปีกว่าๆ
ค่าบริการจัดส่ง 10 บาท ในระยะทาง 5 กิโลเมตรแรก
เป็นบริการ Food Delivery ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ดังนั้นจึงมีโปรโมชันมาก
พัฒนาแอปพลิเคชันในคอนเซป Super Application แอปฯ เดียว ทำได้ทุกอย่าง (ผมลองทดสอบใช้แอปที่ หัวหินยังใช้แถวนี้ไม่ได้)

Foodpanda 

เป็นบริษัทในเครือของ Delivery Hero มีจุดเริ่มต้นจากประเทศเยอรมนี ให้บริการใน 50 ประเทศทั่วโลก ส่วนในประเทศไทย Foodpanda เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา ปัจจุบันในเขตกรุงเทพ จะเห็น Foodpanda อยู่บ้างทั่วไป แต่ถ้าไปตามหัวเมืองในต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ Foodpanda คือผู้ให้บริการหลัก แสดงว่ากลยุทธ์ธุรกิจของ Foodpanda คือ ป่าล้อมเมือง เน้นตลาดต่างจังหวัดมากกว่า

จุดเด่น Food Delivery ของ Foodpanda

มีพื้นที่การให้บริการครอบคลุมพื้นที่ต่างจังหวัดมากที่สุด กว่า 62 จังหวัด ในทุกๆ ภูมิภาค จัดโปรโมชันส่งฟรี หรือค่าส่ง 40 บาท ราคาเดียว  มาลองใช้แอปที่ หัวหินเจอร้านอาหารเยอะเลย

Robinhood

Robinhood น้องใหม่แห่งวงการ Food Delivery ดำเนินการภายใต้บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (Purple Ventures) บริษัทน้องใหม่ในเครือเอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) โดยมีเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท

ความน่าสนใจของ Robinhood คือ การประกาศว่าไม่มีค่าธรรมเนียม GP ที่จะเก็บกับร้านอาหาร แปลว่าให้ใช้บริการฟรี และมีการเคลียร์เงินเข้าบัญชีภายใน 1 ชั่วโมง เพื่อให้ร้านอาหารมีเงินหมุนเวียนในธุรกิจ ส่วนการส่งอาหารใช้ความร่วมมือกับ Skootar บริการคนขับรถของคนไทย ส่วนรายได้ของ Robinhood คาดว่าจะมาจากบริการทางการเงินที่ร่วมกับ SCB ในอนาคต ต่างจังหวัดยังไม่สามารถใช้บริการได้

จุดเด่น Food Delivery ของ Robinhood

เป็น Food Delivery ทางเลือก ของคนไทย 100%
ใช้กลุยุทธ์ที่ไม่มีการแข่งขันด้านราคา
ต้องการเป็นทางเลือกให้ร้านอาหาร โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียม GP
เคลียร์เงินเข้าบัญชีของร้านอาหารภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผยว่า 

สำหรับทิศทางของตลาดธุรกิจจัดส่งอาหารไปยังที่พักในช่วงที่เหลือของปี 2563 นี้ ภายหลังการระบาดของโควิด-19 ได้คลี่คลาย และธุรกิจร้านอาหารกลับมาเปิดให้บริการ ส่งผลทำให้ปริมาณความหนาแน่นของการสั่งอาหารไปยังที่พักจะไม่ได้สูงเมื่อเทียบกับช่วงการระบาดของโควิด-19 แต่ยังสูงกว่าก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 (แต่หากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศกลับมามีการระบาดอีกครั้ง ก็มีโอกาสที่ธุรกรรมจะปรับสูงขึ้น) และทำให้ทั้งปี 2563 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จำนวนครั้งของการจัดส่งอาหารจะอยู่ที่ 66- 68 ล้านครั้งหรือขยายตัวสูงถึงร้อยละ 78.0-84.0 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด

 ขณะที่ความนิยมในการใช้บริการสั่งอาหารไปยังที่พัก (Food Delivery) ผ่านแอพพลิเคชั่นออนไลน์ ดึงดูดให้มีผู้เล่นรายใหม่ที่นำเสนอรูปแบบการทำธุรกิจที่ต่างจากเดิมให้เข้ามาแข่งขัน ซึ่งจะยิ่งยกระดับการแข่งขันในตลาดผู้ให้บริการแพลตฟอร์มจัดส่งอาหารที่เดิมถูกขับเคลื่อนโดยผู้เล่น 4 รายหลักให้รุนแรงขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคยังมีแนวโน้มให้ความสำคัญกับส่วนลดที่ได้รับและความหลากหลายของร้านอาหารบนแพลตฟอร์ม ดังนั้น การเข้ามาแบ่งฐานตลาดของผู้บริโภคและสร้างฐานพันธมิตรทางธุรกิจของผู้ให้บริการรายใหม่คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดระหว่างผู้เล่นเดิมและผู้เล่นใหม่ในช่วงที่เหลือของปี 2563 ต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2564 อาจไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรายเดิมคงเร่งรุกไปสู่การเป็น Super Application

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563

นายกรัฐมนตรีเปิดงาน Gov Cloud

 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงาน“Gov Cloud 2020” The Future of Digital Government  ซึ่งจัดโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) สํานักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (สดช.) ร่วมกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT  โดยมี นายพุทธิพงษ์  ปุณณกันต์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำคณะผู้บริหารกระทรวงฯ และหน่วยงานภายใต้กำกับ ให้การต้อนรับ

G-Cloud คือโครงสร้างพื้นฐานบนอินเทอร์เน็ตแบบใช้ทรัพยากรร่วมกัน โดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) ให้บริการแก่หน่วยงานภาครัฐด้วยเทคโนโลยี Cloud ซึ่งเก็บทรัพยากรไว้บนอินเทอร์เน็ต สามารถเรียกใช้งานผ่านเครือข่ายได้ตลอดเวลาจากระยะไกล ปรับขนาดได้ตามความต้องการของผู้ใช้ มีการจัดสรรทรัพยากร ลดภาระการบริหารจัดการ และมีความมั่นคงปลอดภัยสูง



โอกาสนี้ พลเอกประยุทธ์ฯ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “Gov Cloud : Digital Foundation for Government Transformation” เพื่อร่วมสะท้อนภาพการรวมพลังภาครัฐและร่วมกำหนดทิศทางขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลและสร้างนวัตกรรมบริการภาครัฐรูปแบบใหม่บน Gov Cloud หรือระบบคลาวด์กลางภาครัฐซึ่งขณะนี้โครงการฯ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐเข้าใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบของหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งได้เริ่มมีการใช้งานจริงในการแก้ไขปัญหาและให้บริการต่างๆ นายกรัฐมนตรียังได้เยี่ยมชมผลงานต่างๆของหน่วยงานรัฐที่ผลงานเด่นได้พัฒนาระบบงานราชการให้ทันสมัยและให้บริการประชาชน  ได้แก่ 

1.สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) พัฒนาระบบ EEC-OSS โดยเป็นช่องทางคัดกรองและอำนวยความสะดวกให้นักลงทุน สามารถเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำด้วยบริการแบบ One-Stop Service https://eec-oss.com/



2. กรมการขนส่งทางบก ผลงาน ‘Smart Bus Terminal’ ระบบติดตามรถโดยสารประจำทาง แสดงตารางการเดินรถแบบเรียลไทม์ของสถานีขนส่ง 81 แห่งทั่วประเทศ ผ่าน GPS Tracking ที่ติดตั้งบนรถโดยสารประจำทางทุกคัน สามารถตรวจสอบข้อมูลการเดินทางได้ตลอดเวลา


แต่พอโหลดแอปมาลองดูยังไม่มีตารางรถไฟ แต่สามารถค้นตารางเดินรถโดยสาร บขส ได้



3. ตำรวจภูธรภาค 8 พัฒนาระบบโครงการภาค ๘ “4.0” ในแอปพลิเคชัน POLICE 4  ด้วย 4 ฟังก์ชั่นที่โดดเด่น คือ Crime Mapping แผนที่อาชญากรรมหลายมิติ,  CCTV Mapping แผนที่กล้องวงจรปิดทุกตัว,   Red Box QR Code ใช้แทนสมุดตรวจแบบเดิม  และ Stop Walk Talk and Report ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่แบบเรียลไทม์



4.สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พัฒนาระบบ Digital Healthcare Platform เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลสาธารณสุขซึ่งเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกระบบที่เกี่ยวกับผู้ป่วยโควิด-19 มาไว้ส่วนกลาง ทำให้สามารถจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ


5. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน จัดตั้งศูนย์สารสนเทศพลังงานแห่งชาติ หรือ NEIC (National Energy Information Center) ซึ่งเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยน เชื่อมโยง บูรณาการและเผยแพร่ข้อมูลด้านพลังงานให้กับทุกภาคส่วน เพื่อนำไปใช้วิเคราะห์ คาดการณ์ด้านพลังงานได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ


พลเอกประยุทธ์ฯ กล่าวว่า จากความสำเร็จขั้นแรกของ Gov Cloud ก้าวต่อไปของรัฐบาลดิจิทัลมีเป้าหมายยกระดับระบบงานภาครัฐบน Gov Cloud ไปสู่รูปแบบ Government as a Platform หรือแพลตฟอร์มกลางภาครัฐ ที่จะเป็นศูนย์รวมอำนวยความสะดวกเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน  รวมไปถึงการต่อยอดจัดทำบริการระบบข้อมูลเปิดภาครัฐ (Open data) ที่จะเพิ่มศักยภาพและความโปร่งใสของข้อมูลภาครัฐในด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดการเข้าถึงและใช้ประโยชน์ข้อมูลที่ครอบคลุมในทุกภาคส่วนต่อไป   

 

ปิดท้ายรายการด้วย แอป Smart Vote

 
 


แอปนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับ Gov Cloud แต่เกี่ยวข้องกับ การเลือกตั้ง อบจ เพราะจะเป็นแอปที่รวบรมข้อกฏหมายต่างๆที่เกี่ยวข้อง ครั้งแรกที่ได้ยินข่าวนี้ คิดว่าเป็นแอปที่ช่วย ลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ก็ยังเตรียมเครื่องมือช่วย หาหน่วยเลือกตั้ง

แต่ ณ วันที่ 1 ธันวายังไม่สามารถตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งได้ว่าจะมีสิทธิเลือกตั้งที่หน่วยไหน

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ ระวัง แบบสอบถามล่อลวงให้ชำระเงิน ข้อมูลลูกค้ารั่วซื้อขายกันในตลาดมืด

lazada ปฏิเสธการถูกแฮกข้อมูล 

สัปดาห์นี้มีข่าวเด่นๆ ที่อยากคุยอยู่สามเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะข่าวแรก เป็นข่าวในช่วงวันศุกร์ที่ 20 มีข่าวใหญ่ว่า Lazada นั้นถูก Hack ข้อมูลไปขายใน raidforums.com การที่ข้อมูลซื้อขายกันในเว็บแห่งนี้ มีการให้ดาว์นโหลดข้อมูลตัวอย่างประมาณ 50,000 รายชื่อซึ่งข้อมูลนี้สามารถนำไปโทรขายสินค้าได้ เพราะมีรายชื่อ มีเบอร์โทร แต่จากข้อมูลตัวอย่าง เป็นข้อมูลซื้อขายเมื่อปี 2018 บ้าง ซึ่งเก่ามากแล้ว



หลังจากนั้นไม่นาน lazada ก็ได้ออกมาปฏิเสธการถูกแฮกข้อมูล แล้วที่หลุดออกไป ขายในตลาดมืด ว่าข้อมูลนั้นไม่ได้หลุดจาก Lazada ซึ่ง ถ้าดูจากข้อมูลแล้วก็ไม่ใช่จริง ๆ แต่ก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าข้อมูลนั้นมาจากที่ไหน เพราะมีข้อมูลจากแหล่งขายสินค้าอื่น ๆ ด้วยเช่น shopee , Line, Facebook, magento

วันที่ 24 พย กระทรวง DES ก็ได้หารือผู้ประกอบการแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ ต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสูงสุด หลังเจอข้อมูลลูกค้ารั่วไหลครั้งใหญ่ ย้ำทุกรายเป็น “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 มาตรา 37 แม้จะอยู่ในช่วงขยายเวลาบังคับใช้ ทำให้ยังไม่มีลงโทษ แต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายและประกาศกระทรวงเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

            จากเว็บไซตของกระทรวง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า วันนี้ (24 พ.ย. 2563) ได้มีการเรียกประชุมหารือกับผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ๆ ที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันจัดทำแนวทางดูแลข้อมูลของผู้ใช้บริการ และมาตรการในการดูแลข้อมูลผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม โดยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสูงสุด ซึ่งในการประชุมวันนี้ ยังให้ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ ชี้แจงข้อเท็จจริงของข่าวที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการรั่วไหล และมีการนำไปประกาศขายกันทางไซเบอร์

บทเรียนจากเรื่องนี้ทำให้ผู้บริหารข้อมูลขององค์กรธุรกิจควรจะใช้ raidforum ในการตรวจสอบว่าข้อมูลของเรารั่วสู่ Darknet และเอาไว้เป็นหลักฐานทางดิจิทัลเพื่อสืบหาผู้กระทำผิด

แบบสอบถามหลอกลวง

หลังจากที่เข้าไปดูข้อมูลจากเว็บไซต์ประเภท Darknet กลับออกมาวันรุ่งขึ้นผมก็พบกับการแจ้งเตือนให้ทำแบบสอบถามโดยอ่างว่าเป็นการสอบถามความพึงพอใจบริการ shoping online เมือตอบคำถามไปถึงขึ้นตอนสุดท้าย ข้อความภาษไทยจะบอกว่า คุณได้รับ smart phone ในราคา 75บาท จากนั้นก็จะเข้าสู่หน้าชำระเงิน เขาก็จะให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต เพื่อชำระเงิน หากกรอกไปละก็ เว็บเหล่านี้ก็จะเอาข้อมูลของเราไปทำประโยชน์ได้ อย่าหลงกลลวงแบบสอบถาม แล้วจะ โชคดีได้ซื้อ iphone 12 ในราคา 75บาท หรือ 1$






ผมได้ทำการตรวจสอบข้อมูลว่าเว็บนี้มีตัวตนอยู่ที่ไหนผ่านเว็บ whois.com ก็พบว่าเป็นเว็บที่บอกว่าจดทะเบียนในประเทศ ปานามา 

ตรวจสอบ กุญแจ ssl ของเว็บไซต์ชื่อก็ไม่ตรงกันแบบนี้ไม่น่าเชื่อถืออย่างแน่นอน เลยอยากมาแจ้งเตือน

กรณีนี้ไม่ได้เกิดกับการอ้างสอบถามการใช้บริการของ shopee พบว่ามีการอ้างสอบถามของการใช้บริการสืบค้นของ Google ด้วย นั้นหมายความว่า โฆษณาแบบนี้ อาจเกิดจากการใช้ robot ในการเก็บคุ๊กกี้ การท้องเว็บของเราแล้วเอาไปเรียกหน้าจอแบบสอบถามขึ้นมาให้เราหลงกล โดยเฉพาะช่วงนี้ หลายประเทศกำลังเปิดให้จอง iphone 12 ด้วยแล้วแบบสอบถามแบบนี้อาจจะระบาดหนัก

App Smart Vote 

กกต เปิดตัวแอป Smart Vote รองรับการเลือกตั้ง อบจ กกต เปิดตัวแอป Smart Vote เพื่อใช้ในการตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งของเรา อำนวยความสะดวกและเพิ่มเติมคำแนะนำเรื่องกฎหมายนั้น กกต.จึงได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน “Smart Vote” แอปพลิเคชัน “ตาสับปะรด” และสายด่วนเลือกตั้ง 1444 พร้อมเปิดศูนย์บริหารการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-War room เพื่อรองรับการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ App Smart Vote ไม่ได้มีไว้เพื่อลงคะแนน แต่เป็นแอปเพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ร้องเรียนการทุจริตการเลือกตั้ง 

ซึ่งตอนนี้มี เรื่องร้องเรียนทุจริตมีแล้ว 21 เรื่องใน 11 จังหวัด เกือบทั้งหมดเป็นเรื่องซื้อเสียง และบางส่วนเป็นการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดีย เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง 

เช่น ห้ามการทำสำรวจความคิดเห็นที่มีลักษณะการชี้นำอาจมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชน ห้ามเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นก่อนผลการเลือกตั้ง

การหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถทำได้ เช่นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ยูทูป แอปพลิเคชั่น อีเมล์ เอสเม็มเอส สื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นทุกประเภท


วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

กระแสตอบรับ โครงการคนละครึ่ง

หลังจากที่รัฐบาลเปิดลงทะเบียน โครงการคนละครึ่ง รอบสองดูเหมือนว่ากระแสตอบรับดีมากทั้งร้านค้าและผู้่ใช้ กระแสตอบรับสูง ทำให้มีการพูดกันว่า การที่รัฐบาลลงทุนทำโครงการนี้ เป็นการสอนคนไทยให้เข้าใจคำว่าเศรฐกิจดิจิทัล

เหมือนกับช่วงที่รัฐบาลเปลี่ยนให้คนไทยมาใช้ บัญชีพร้อมเพย์ใหม่ๆ ทำให้คนไทยเข้าใจคำว่าสังคมไร้เงินสดว่าสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย และคนไทยก็รู้จักวิธีการชำระเงินด้วย QR-Code 

ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

จากการสอบถามร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายอดขายสูงขึ้นเกือบเท่าตัว ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะโอนเงินให้ร้านค้าช้ามีช่วงวันหยุด แต่ ภาครัฐก็บอกว่าจะพยายามไม่หยุดโอนเงินช่วงวันเสาร์-อาทิตย์

ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเยอะมากขึ้น เพราะใช้ช่วงแรกของโครงการหลายคนบ่นว่าหาที่ใช้งานยากเพราะโครงการนี้ร้านค้ารายย่อยมีโอกาศเข้าร่วม สามารถค้นหาร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการใกล้บ้านผ่าน เว็บไซต์คนละครึ่ง 

โอกาศดีสำหรับร้านค้า

ร้านค้าที่เข้าร่วมทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เป็นกลุ่มคนที่ลงทะเบียนคนละครึ่งและสามารถค้นหาผ่าน คนละครึ่ง.com 

ตั้งขอสังเกต ร้านค้าที่เข้าร่วมเยอะ ๆ โดยมากจะเป็นร้าน ขนาดย่อมที่ขายสินค้าในตลาดนัดของภาคราชการ แต่ถ้าเป็นร้านค้าในตลาดชุมชน จะหายากส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการรับสมัครร้านเข้าร่วมโครงการมีขั้นตอนทางอินเตอร์เน็ท ผู้ค้าสูงอายุจะไม่ค่อยถนัด ส่วนร้านค้าที่อายุไม่มากก็จะคุ้นเคยกับการลงทะเบียน

แต่บางร้านถามว่าทำไม่เข้าร่วมโครงการ บางร้านกลัวเรื่องของการเสียภาษีที่ภาครัฐจะเข้ามาตรวจสอบ ในช่วงโครงการอาจจะมีผู้มาซื้อของมาก แต่หลังจากโครงการจบลง จะมีคนมาซื้อเยอะเหมือเดิมหรือไม่

แต่อย่างไรก็ดีโครงการนี้มีส่วนดีอยู่มาก ร้านค้ายังสามารถยื่นลงทะเบียนเพื่อรับชำระเงินผ่านแอปถุงเงิน

จำนวนร้านค้า

ณ วันที่ 17 พฤษจิกายน 
กรุงเทพ มีจำนวน 51,705 ร้านค้า
ปทุมธานี                9,863 ร้านค้า
สมุทรปราการ      11,052 ร้านค้า



สถิติการใช้งาน

มีรายงานข่าวจาก  เมเนเจอร์ออนไลน์ ว่า  เฟซบุ๊กส่วนตัว “Chao Jiranuntarat” ของนายสมคิด จิรานันตรัตน์ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หนึ่งในทีมดูแลระบบการลงทะเบียนให้กับโครงการของรัฐบาลหลายโครงการ เช่น เราไม่ทิ้งกัน, วอลเล็ต สบม. รวมทั้งโครงการคนละครึ่ง ได้โพสต์ข้อความสถิติโครงการคนละครึ่งที่น่าสนใจ ระบุว่า “ไม่น่าเชื่อว่าโครงการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้เยอะขนาดนี้ ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 มีร้านค้าลงทะเบียนจำนวน 557,878 ร้านค้า มูลค่าการใช้จ่ายสะสม 9,933 ล้านบาท การใช้จ่ายต่อวันขึ้นสูงถึง 4.6 ล้านรายการ 937 ล้านบาท

จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. สงขลา 3. นครศรีธรรมราช 4. สุราษฎร์ธานี 5. เชียงใหม่ 6. ชลบุรี 7. นนทบุรี 8. สมุทรปราการ 9. นครราชสีมา 10. ปทุมธานี

ประเทศไทยเข้ายุค เศรษฐกิจดิจิทัลแล้วหรือยัง

เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) คืออะไร มีผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านได้ให้ความหมายไว้หลายท่าน ดังนี้

1. Don Tapscott ให้ความหมายไว้ว่า
 “เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy หรือ DE) คือเศรษฐกิจและสังคมที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร(หรือเรียกว่าเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้ทันยุคสมัย) เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูป กระบวนการผลิตการดำเนินธุรกิจ การค้า การบริการ การศึกษา การสาธารณสุข การบริหารราชการแผ่นดินรวมทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น”

2. ETDA หน่วยงานหลักในการสนับสนุนการวางกรอบนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ
และสังคม ได้ให้ความหมายว่า “เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยการนำเอาไอทีหรือเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต เพิ่มผลงาน โดยใช้เวลาน้อยลงและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการต่าง ๆ เพื่อให้เราแข่งขันกับชาติต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยุคปัจจุบันที่การใช้สมาร์ทดีไวซ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ติดต่อสื่อสารกันผ่านเครือข่ายไร้สายความเร็วสูง (Wireless Broadband)เช่น 3G, 4G ซึ่งใช้งานได้ง่ายกว่า PC มาก ทำให้เกิดการใช้งานในวงกว้าง แม้กระทั่งในคนที่ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ หรืออินเทอร์เน็ตมาก่อน ซึ่งทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ มากมายในแทบทุกสาขาเศรษฐกิจ

หากเรามองว่าโครงการคนละครึ่งส่งผลให้ การดำเนินกิจกรรมทาง การค้า การบริการ เปลี่ยนมาให้บริการมากขึ้นก็ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก ที่พ่อค้าแม่ค้ากล้าที่จะให้บริการรับชำระเงินผ่านเทคโนโลยี ซึ่งในสมัยก่อน การจพชำระเงินแบบนี้ทำได้ยาก

สำหรับในเรื่องการศึกษา ผมยกประโยชน์ให้ covid-19 ที่ทำให้ตื่นตัวกันในเรืองของการนำเอา e-learning มาใช้ในการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย ในโรงเรียน ในการอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานของกระทรวงแรงงาน และการฝึกอบรมบุคลากรในสถาณประกอบการ

สำหรับเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน การติดต่อหน่วยงานราชการยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เอกสาร ต้องเดินทางเข้าไปถึงหน่วยงานเพื่อเข้าไปวางบิลรับเช็ค ทั้งๆที่เรามีกรมบัญชีกลางที่สามารถทำเรืองต่าง ๆ ได้แล้วแต่ภาคเอกชนที่จะขึ้นทะเบียนเป็นผู้ค้ากับภาครัฐก็ยังต้องยื่นเอกสาร แทนที่จะเชื่อมโยงข้อมูลกันระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ และ กรมสรรพากร

ในด้านการแข่งขั้นของภาคเอกชนหลายธุรกิจเริ่มปรับตัวและนับจากนี้เป็นต้นไป ผมมองว่า การค้าการขายจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากความมั่นใจในการใช้จ่ายผ่านอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์

การเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยได้เริ่มมาสองก้าวแล้วนับตั้งแต่ การเปิดใช้ พร้อมเพย์ และมีการใช้งานจริงจังก็ช่วงที่รัฐบาลใช้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิมช๊อบใช้  เที่ยวด้วยกัน และมาถึงคนละครึ่ง 




วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ดีป้า” เผยมูลค่าอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ปี 2562 พุ่งแตะ 31,000 ล้านบาท

 ดีป้า” เผยมูลค่าอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ปี 2562 พุ่งแตะ 31,000 ล้านบาท 

ตลาดเกมกินส่วนแบ่งกว่า 25,000 ล้านบาท ด้านอุตสาหกรรมบิ๊กดาต้าโตด้วย

10 พฤศจิกายน 2563, อาคารดีป้า ลาดพร้าว – สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ร่วมกับ สถาบันไอเอ็มซี เผยผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ และบิ๊กดาต้าปี 2561-2562 ชี้ภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทยปี 2562 โตขึ้นจากการขยายตัวของตลาดเกม ส่วนอุตสาหกรรมบิ๊กดาต้า เติบโตต่อเนื่อง กูรูคาด 5G หนุน 2 อุตสาหกรรมควงแขนโตต่อปีนี้ 

ดร.กษิติธร ภูภราดัย รองผู้อำนวยการใหญ่ (กลุ่มยุทธศาสตร์และบริหาร) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และสถาบันไอเอ็มซี เปิดเผยในงานแถลงผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ และบิ๊กดาต้าปี 2561-2562 ที่จัดร่วมกับสมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT) สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชันและคอมพิวเตอร์กราฟฟิกส์ไทย (TACGA) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) และสมาคมธุรกิจบางกอกเอซีเอ็มซิกกราฟ (Bangkok ACM SIGGRAPH) เผยผลสำรวจมูลค่าดิจิทัลคอนเทนต์ และบิ๊กดาต้าของปี 2561-2562 ในประเทศไทย โดยครอบคลุมสามสาขาหลักได้แก่ อุตสาหกรรมแอนิเมชัน อุตสาหกรรมเกม และอุตสาหกรรมคาแรคเตอร์ และบิ๊กดาต้า ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทยปี 2562 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 11.51% คิดเป็นมูลค่าอุตสาหกรรม 31,080 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปี 2561 ที่ 27,873 ล้านบาท และ 25,040 ล้านบาทในปี 2560  

โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทยปีก่อนเติบโตมาจากตลาดเกมที่มีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดที่ 15.96% คิดเป็นมูลค่า 25,440 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยหนุนมาจากการเปิดตัวเกมใหม่ของผู้ประกอบการไทย และคนไทยนิยมเล่นเกมไทยมากขึ้น ประกอบกับสมาร์ทโฟนรุ่นพื้นฐานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและจูงใจต่อการเล่นเกม 

ขณะที่ตลาดแอนิเมชันหดตัวเฉลี่ย 6.53% มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3,494 ล้านบาท เนื่องจากความนิยมของประชาชนที่เปลี่ยนจากการชมเพย์ทีวีและฟรีทีวีในประเทศไปเป็นสตรีมมิงต่างประเทศ ซึ่งสถิติรายได้จากบริการสตรีมมิงบางส่วนไม่ถูกรวมในการสำรวจ เช่นเดียวกับตลาดคาแรคเตอร์ที่หดตัว 2.32% มีมูลค่ารวม 2,146 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดคาแรคเตอร์มาจากความนิยมสติ๊กเกอร์ LINE ลดลง ขณะที่อัตราการจ้างงานจากต่างประเทศหดตัวลงเล็กน้อยต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ส่วนรายได้จากผู้จัดจำหน่าย ผู้นำเข้า และผู้ดูแลลิขสิทธิ์หดตัว เพราะผลพวงทางเศรษฐกิจและการบริโภคสินค้าที่มีแบรนด์คาแรคเตอร์ลดลง 

ในส่วนของอุตสาหกรรมบิ๊กดาต้าไทยปี 2562 พบว่ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.64% คิดเป็นมูลค่า 13,177 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 12,129 ล้านบาทในปี 2561 โดยตลาดที่มีเม็ดเงินสะพัดมากที่สุดคือ ส่วนบริการ และส่วนซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ 

ขณะที่บุคลากรในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ลดลง 12.04% เหลือ 5,021 คน จาก 5,708 คนในปี 2561 บุคลากรในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ปี 2562 ลดลง 12.04% เหลือ 5,021 คน จาก 5,708 คน ในปี 2561 เพราะรูปแบบการจ้างงานในปัจจุบันผู้ประกอบการนิยมเอาส์ซอร์สงานทดแทนการจ้างพนักงานประจำ เพื่อลดภาระต้นทุนคงที่ 

ด้าน รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการ สถาบันไอเอ็มซี คาดการณ์ว่า ปี 2563 การให้บริการบนคลื่นความถี่ 5G และการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยและบิ๊กดาต้าเติบโตต่อเนื่อง โดยประเมินว่า ปี 2563 อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์จะขยายตัวขึ้นอีก 10.1% คิดเป็นมูลค่าอุตสาหกรรมรวม 34,229 ล้านบาท เป็นผลมาจากตลาดเกมที่มีอัตราการเติบโตสอดคล้องกับตลาดโลกที่มีผู้คนเล่นเกมมากขึ้นช่วงกักตัว ในทางกลับกัน วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะส่งผลให้เกิดการชะลอการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชัน ทำให้ตลาดแอนิเมชันมีแนวโน้มจะหดตัวมาก เช่นเดียวกับความนิยมการบริโภคสติ๊กเกอร์ LINE ในตลาดคาแรคเตอร์เริ่มลดลง แต่ยังคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทยจะยังคงเติบโตต่อเนื่องอีก 2 ปี โดยมูลค่าอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 45,094 ล้านบาทในปี 2565

ส่วนอุตสาหกรรมบิ๊กดาต้าปี 2563 จะขยายตัวจากการเข้าสู่ยุคแห่งการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งทุกภาคส่วนเล็งเห็นประโยชน์ในการใช้บิ๊กดาต้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ ยังมีทางเลือกให้ใช้บริการแบบเช่าใช้ ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจลงทุน

ทั้งนี้ การสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ และบิ๊กดาต้า เป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งเป็นผลงานที่ ดีป้า จัดทำต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 3 เพื่อเป็นข้อมูลบ่งชี้สถานภาพปัจจุบันของอุตสาหกรรม และข้อมูลคาดการณ์ที่บ่งชี้แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทยในแต่ละปี โดย ดีป้า จะขยายขอบเขตการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัลให้ครอบคลุมมิติอื่นเพื่อให้ผู้สนใจได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ซึ่ง ดีป้า กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา Digital Pulse ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทั้งดัชนีชี้วัดระดับสากล และฐานข้อมูลที่ ดีป้า สำรวจเองทั้งในฝั่งของผู้ประกอบการที่จะเป็นฐานข้อมูลและแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัล รวมถึงความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมดิจิทัลที่สำรวจและนำเสนอผลรายไตรมาส ตลอดจนการสำรวจฝั่งผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรมโดยในระยะแรกโฟกัสที่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคการผลิตเป็นอันดับแรก และจะขยายผลไปสู่ภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ และบริการต่อไปในอนาคตอันใกล้


เสวนาท้ายรายการ

อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเท้นท์ในประเทศไทยเติบโตได้ประมาณ 10% ในแต่ละปี ซึ่งทั้วโลกนั้นเติบโตในตัวเลขเดียวกัน จากข้อมูลตัวเลขที่นำเสนอ ดิจิทัลคอนเทนต์ในไทยแบบไทยทำจะมีเพียงแค่ 5% ของตลาดเท่านั้นโดยมากจะ นำเข้าเกมส์มาจากต่างประเทศ 


เนื้อหาสาระดิจิทัลในต่างประเทศจะพวกทั้งสามด้านไปด้วยกัน เช่น เกมส์ แล้วไปสร้าง animation และต่อยอดด้วย คาแรคเตอร์

อุตสาหกรรมเกมส์ที่เป็นของไทยเองมีน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วคนไทย ก็มักจะไม่ได้เล่นเกมส์ไทย มักจะเล่นเกมส์จากต่างประเทศมากกว่า

ส่วนของอินเมชั่นในบ้านเราจะเติบโตได้อย่างไร ทั้งๆที่คนไทยก็เก่งในเรื่องนี้ แต่เราก็ยังขาดบุคลากรอีกมากและในเรื่องของการทำงานเป็นทีม  ปัจจุบัน บริษัททำอนิเมชั่น ไทยน้อยลงมาก แต่บริษัทเกมส์ เพิ่มขึ้นมาก สาเหตุจาก เกมส์ไทยไม่ค่อยตอบโจทย์ความต้องการของตลาดซึ่งเรื่องนี้เป็นความท้าทาย

อุตสาหกรรมเกมส์ในประเทศไทย แบ่งได้สามประเภท คือ 1 เป็นบริษัทคนไทย 2 เป็นต่างชาติมาตั้งในไทย 3 เป็นบริษัทต่างชาติ ไม่ได้มาตั้งบริษัทในไทย ในส่วนที่สามที่เป็นบริษัทต่างชาติ ขนเงินออกไปนอกประเทศมากที่สุดของตลาดเกมส์มือถือ สำหรับรายได้โดยมากจะเป็นบริํษัทหนึงในสิบต้น ๆ และก็เป็นบริษัทต่างชาติที่ไม่ได้เข้ามาตั้งบริษัทในไทย เม็ดเงินเกือยสองหมืนล้าน และใช้คนไม่มาก การจ่ายค่าตอบแทนไม่ได้ผ่านระบบเงินเดือนในประเทศ ดังนั้น เรื่องของภาษีจึงเป็นปัญหา VAT ก็ไม่ได้

อุตสาหกรรมเกมส์ในต่างประเทศรอบๆบ้านเราเช่นเวียดนาม จีน เขาจะต้องขออนุญาตก่อนและต้องเชื่อมต่อการจ่ายเงินผ่าน local payment เท่านั้น ดังนั้น เมื่อเป็นแบบนี้ ประเทศไทยที่ไม่มีกฏระเบียบใดๆ จึงเป็นที่หมายปองของบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาทำตลาดเกมส์ในไทย แบบไม่ต้องมาจดทะเบียนในประเทศไทยก็ได้

อุตสาหกรรมที่เป็น Big data ของประเทศไทยก็เป็นปัญหาว่าสัดส่วนของคนไทยน้อยมากไม่ว่าจะเป็น Hardware และ Software ยังพึงพาจากต่างประเทศอยู่มาก รวมถึงปัญหาของการที่ ผู้บริโภคซื้อตรงไปยังต่างประเทศ อุตสาหกรรมโตแต่ประเทศเก็บรายได้จากผู้ให้บริการต่างประเทศไม่ได้ 






วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

กองทัพอากาศสหรัฐจัดซื้อโดรนของจีนกระตุ้นความกังวลด้านความปลอดภัย

 กองทัพอากาศสหรัฐฯเพิ่งซื้อโดรนที่ผลิตในจีนหลายสิบลำเพื่อใช้ในการทดสอบและฝึกอบรมตามรายงานของเจ้าหน้าที่และบันทึกการซื้อดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีของกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่องซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณาว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ


หน่วยบัญชาการปฏิบัติการพิเศษของกองทัพอากาศซึ่งเป็นหน่วยคอมมานโดที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีได้ซื้อโดรน 57 ตัวในเดือนกันยายนจาก Da-Jiang Innovations หรือ DJI ซึ่งเป็นผู้ผลิตระบบทางอากาศไร้คนขับที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเซินเจิ้นประเทศจีน พวกเขาจะใช้ในการฝึกนักบินว่าจะใช้กับสหรัฐหรือพันธมิตรได้อย่างไรและจะเอาชนะพวกเขาได้อย่างไรเจ้าหน้าที่กล่าว


เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศกล่าวว่าโดรนมีความคุ้มทุนและมีประโยชน์โฆษกของ DJI กล่าวว่าพวกเขาไม่เสี่ยงต่อการสูญหายหรือถูกขโมยข้อมูล

ผู้ช่วยของวุฒิสภาแสดงความกังวลว่าข้อมูลใด ๆ ที่รวบรวมโดยโดรนอาจถูกส่งไปยังปักกิ่งซึ่งทำให้เกิดช่องโหว่ของสหรัฐฯหรือพันธมิตร

กองทัพเรือ Cmdr. Tim Hawkins โฆษกหน่วยปฏิบัติการพิเศษกล่าวว่ากองทัพใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดเมื่อใช้โดรนดังกล่าว


อ้างอิง

https://www.wsj.com/articles/air-force-purchase-of-chinese-drones-spurs-security-concerns-11604322017?mod=tech_lead_pos4

แต่นักวิจารณ์กล่าวว่าโดรนสามารถใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพสหรัฐและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหรือในกรณีอื่น ๆ ของการจารกรรมและการรวบรวมข้อมูลโดยส่งข้อมูลกลับไปยังจีน

เว็บเกมส์จับสัตว์เลี้ยง เชิดเงินหนี เปิดไม่กี่เดือนก็ปิด

วันนี้มีข่าวมาเตือนเพื่อนๆและคุณผู้ฟังกันครับว่ามีกลโกงรูปแบบใหม่มาในรูปแบบซื้อไอเทม(Item)สัตว์เลี้ยง 

เว็บเกมส์ชวนจับสัตว์เลียง มาเก็บไว้จากนั้นมีการเก็งกำไร แล้ว ปล่อยขาย โดยจะเอาผลตอบแทนสูงๆมายั่วยวนใจ เว็บ เหล่านี้กำลังระบาดไปทั่ว เพราะการจับสัตว์เลี้ยงที่ เจ้าของเว็บตั้งขึ้นมา จะมีการกำหนดให้ผู้เล่นเตรียมเงินไว้ ด้วยการโอนเข้าบัญชีคนไทย สองสามคน จากนั้น ถ้าต้องการจะจับสัตว์เลี้ยงชื่ออะไรก็จะมีการกำหนดเวลาแล้ว ก็แข่งกันจับใครจับได้ก็โชคดี จับไม่ได้ก็ถ่วงเวลาไปจับ คืนค่าธรรมเนียมหลังเที่ยงคืน แต่เข้าในระบบ พอมีคนได้กำไร แล้วโอนเงินไปซื้อมาก ๆ ก็ปิดเว็บหนีเลย

วิธีการนี้เกิดกับเว็บที่ชื่อ lucky doca แต่จดโดเมนในชื่อ docatg ดอทคอม ได้ข่าวว่ามีผุ้เสียหายเข้าแจ้งความหลังจากวัน่ี่ 2 เว็บนี้ถูกปิด ด้วยเจ้าของเว็บเอง

ก่อนจะหลงเชื่อควรตรวจสอบ

ผมได้ทำการเอาชื่อเว็บที่ถูกปิดไปตรวจสอบดู ผ่าน Whois.com
เว็บนี้จดทะเบียนมาแค่ ไม่กี่เดือนและะมีอายุไม่เกิน หนึ่งปี 

เจ้าของเว็บตรวจสอบได้ใชชื่อที่อาจจะไม่ใช่ตัวจริง และที่สำคัญ ไม่น่าเชื่อว่า การโอนเงินค่าธรรมเนียมค่าสมาชิก โอนเข้าบุคคลธรรมดาที่เป็นคนไทย งานนี้อยากให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความนะครับ สถาณะโอเมนก็ถูกลบโดยผู้จดทะเบียน

www.tiktok008.com

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 63 ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย 40 รายจากการถูกหลอกให้สมัครสมาชิกและกดหัวใจให้กับผู้ใช้บริการแอพพลิเคชั่้น"ติ๊กต๊อก" เดินทางเข้าร้องทุกข์กับร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ผุ้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ เพื่อขอให้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษและขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินเว็บไซต์ ชื่อ www.tiktok008.com ที่เปิดรับสมัครสมาชิกให้เข้าไปทำหน้าที่กดหัวใจ แต่ไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่ระบุ

หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนได้รับการชักชวนจากคนรู้จักว่า มีเว็บไซต์ชื่อ Tiktok 008 ต้องการผู้ร่วมงาน แต่จะต้องเสียค่าสมัครสมาชิกตามระดับชั้น ซึ่งมีทั้งหมด 6 ระดับ เริ่มตั้งแต่ 399 บาท ไปจนถึง 91,999 บาท โดยหลังจากสมัครสมาชิกแล้ว ผู้สมัครแล้วจะต้องกดรูปหัวใจผ่านแอพพลิเคชั่นติ๊กตอก 70 หัวใจต่อวัน และจะได้รับค่าตอบแทนหัวใจดวงละ 8 บาท เท่ากับว่าจะได้เงินค่าตอบแทนวันละ 560 บาท หรือเดือนละ 16,800 บาท ตนจึงสมัครเป็นสมาชิกระดับ 3

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้จ่ายค่าสมัครไปอีก 12,999 บาท และเมื่อทำแล้ว ได้ตัดสินใจที่จะถอนเงินคืน แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ โดยทางเว็บไซต์แจ้งว่าระบบมีปัญหาเพราะมีคนใช้บริการจำนวนมาก จนกระทั่งวันที่ 22 ต.ค. เว็บไซต์ดังกล่าวก็ปิดตัวลงและหน้าเว็บหายไปจากระบบ จึงรวมกลุ่มกับผู้เสียหายรายอื่นๆ มาร้องดีเอสไอ



เรื่องที่สองของวันนี้คือ พรฮับ ที่ปิดด้วยกระทรวง DES

การปิดเว็บที่กระทรวง DES ปิดผ่าน ระบบ DNS หรือ (Domain name system) กลับกลายเป็นเรื่องละเมินสิทธิ์เสรีภาพไปได้อย่างไร ส่วนตัวผมมองว่า เว็บนี้มีเนื้อหาและการเผยแพร่ข้อมูลวีดีโอโป๊ ทั้งแบบ บอกรับสมาชิกและ ฟรี ที่บอกว่าอันตรายเพราะ การหลอกลวงด้วยวิธีของ การแอบถ่าย  และนำไปเผยแพร่ เบื้องหลังอาจจะมีการข่มขู่เรียกค่าไถ่กันมาแล้วก็ได้ หรือกลั่นแกล้งกันแบบรุนแรง 

การปิดเว็บพรฮัพแล้วนำไปโยงประเด็นเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลมันเป็นคนละเรื่องกันเพราะข้อมูลนี้ ละเมิดเนื้อหาวีดีโอโป๊ เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีก็มี เว็บนี้ไม่ใช่ข่าวเนื้อหาสาระที่มีการกลั่นกรอง 

อยากให้มองมุมที่ทำให้เกิดความเสียหายทำให้เกิดความอายของมุมผู้ถูกกระทำอย่างไม่ได้ตั้งใจด้วยซึ่งรุนแรงกว่ามาก


วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563

การลงคะแนนเลือกตั้งด้วย Smart Phone ทำไมยังไม่พร้อม

 มีการทดลองใช้วิธีการลงคะแนนเลือกตั้งผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ในสหรัฐอเมริกามาสามปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถนำมาใช้จริงทั้งระบบได้ ทั้งๆที่ การกรอกบัตรลงคะแนนบนสมาร์ทโฟนทำได้เหมือนกับการใช้งาน ธนาคารทางโทรศัพท์

สาเหตุก็เกิดมาจากความไม่ไว้วางใจระบบการเลือกตั้ง ของเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งกังวลเกี่ยวกับการเจาะระบบการลงคะแนน เพื่อทำการลงคะแนนในระบบ ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีอย่าง blockchain ด้วยก็ตาม Hacker อาจจะทำการแก้ไขระบบการนับคะแนน และคำถามตามมาอีกหลายข้อเช่น การป้องกันตัวตนของผุ้มีสิทธิืเลือกตั้ง หรือ สามารถตรวจสอบระบบหลังการเลือกตั้งได้หรือไม่

[1]ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมาชาวเมืองเอสโตเนียได้ใช้งานระบบลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอานาจักรผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรียกว่า I-Vote เพื่อลงคะแนนเสียงในระดับชาติ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2011ชาวเอสโตเนียใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากถึง 25% เพิ่มมา 5.5% เมื่อเทียบกับครั้งก่อน และปี 2014 มีผู้ใช้งานมากขึ้น 98% สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร

[2]ในสหรัฐ Bradley Tusk นักลงทุนที่เคยลงทุนกับ Uber ได้ทำการลงทุนกับระบบการลงคะแนนผ่าน smart phone โดยที่ Tusk ได้ให้เงินสนับสนุนโครงการนำร่องการลงคะแนนเสียงผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ผ่านองค์กรไม่แสวงกำไรชื่อว่า Tusk Philanthropies โดยคาดหวังว่าในอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้าคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับ สมาร์ทโฟนจะเรียกร้องหาบริการสำหรับการลงคะแนนเสียง ซึ่งตอนนี้กำลังทดสอบระบบโดยคาดว่าจะได้ใช้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ที่ผ่านมามีการลงคะแนนผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่แล้วอย่างน้อย 8 เขต โดยใช้กับเจ้าหน้าที่ทหารในต่างประเทศ หรือ กับพลเมืองที่มีความทุพลภาพ

เมืองเดนเวอร์ใช้ระบบในการลงคะแนนผ่านมือถือจาก Boston startup เรียกระบบนี้ว่า Voatz ในการเลือกตั้งระดับเทศบาลเมื่อปี 2019 

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2019 การเลือกตั้งระดับเทศบาลผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงทะเบียนใช้แอป Voatz ลงคะแนน โดยที่หนังสือรับรองและบัตรลงคะแนนจะถูกบันทึกลงระบบดิจิทัล แต่ก้สามารถพิมพ์ออกมาได้

Blockchain น่าจะมาแก้ไขปัญหาต่าง ๆได้ แต่ในทางปฏิบัติ ถึงแม้ระบบจะมีความปลอดภัยมีการเข้ารหัสกระจายไปในคอมพิวเตอร์มากมาย แต่ยังไม่มีวิธีที่จะยับยั้งการโจมตีระบบจากผู้ที่จะพยายามเข้ายึดเครือข่าย

ดังนั้นปัจจุบันระบบการลงคะแนนที่ปลอดภัย ของ Democracy live ที่ใช้ Amazon Web Services จะมีการจัดเก็บข้อมุลที่ปลอดภัย แต่ก็ยังคงถูกวิภาควิจารณ์ ด้วยเหตุนี้การลงคะแนนผ่าน สมาร์ทโฟน จึงยังต้องต่อสู้กันเรื่องแนวความคิด

ปิดท้ายสำหรับประเทศไทยก็มีเอกชน นักวิจัย รวมถึง นักการเมือง ที่มีแนวคิดอยากจะนำ Blockchain มาใช้ในการเลือกตั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะนำมาใช้ในการเลือกตั้ง แม้แต่ระดับท้องถิ่นได้ ด้วยเหตุที่ระบบต้องใช้งบลงทุนสูง และ เรื่องของความเชื่อมั่นอีกเช่นกัน รวมถึงการยอมรับของ กกต และ พรบ ที่ต้องออกมารองรับการลงคะแนนด้วยวิธีดิจิทัลที่ยังไม่มี


อ้างอิง

1. blockchain เปลี่ยนโลก หน้า 222 

2.https://www.wsj.com/articles/voting-by-phone-the-promise-and-peril-of-digital-ballots-11601636414?fbclid=IwAR2mwShZUczTXx8dDeM8iave-nQbl8js3LjGnWznGQv3z0mpYoSfP89tlME

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ดิจิทัลกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

 ช่วงนี้ มีประเด็นร้อนทางการเมืองหลายเรืองและแยกไม่ออกกับ IT กับการเมือง เรื่องร้อน ตั้งแต่คำสั้ง ปิดกลุ่ม ปิดเพจ ใน FaceBook หลังจากนั้น ก็มีการกระจายข่าวในกลุ่มผู้ชุมนุม ให้ติดตั้ง Telegram เป็นช่องทางสำรอง หากมีการปิดจริง ๆ ก็จะได้มีช่องทางสื่อสารบางคนมองว่าผู้ใหญ่ตามเด็กๆ ไม่ทัน แต่ จริง ๆ แล้ว ในกลุ่มคนที่ใช้ Application ตัวนี้ กันในกลุ่มที่ ซื้อขาย Digital currency เพราะเนื่อจาก Telegram ไม่มีโฆษณามากวนใจ และที่สำคัญ Telegram เข้ารหัสข้อความ ไม่สามารถดักข้อความแล้วนำมาถอดรหัสได้ ถึงแม้จะมีการ ยึด Server ได้ก็ไม่สามารถถอดรหัสได้เพราะ 

Telegram สร้างโดยสอง พี่น้อง ชาวรัฐเซีย นิโคไลและพาเวล ( Nikolai and Pavel Durov.) Nikolai Durov สร้างโปรโตคอลMTProtoที่เป็นพื้นฐานสำหรับผู้ส่งสารในขณะที่ Pavel ให้การสนับสนุนทางการเงินและโครงสร้างพื้นฐานผ่านกองทุน Digital Fortress โดยมีหุ้นส่วน Axel Neff ร่วมเป็นผู้ร่วมก่อตั้งคนที่สอง บริษัท และแอปนี้เริ่มต้นในรัสเซียและย้ายไปที่เยอรมนี ปัจจุบันเป็นองค์กรไม่แสวงกำไร และมีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ย้ายไป ย้ายมา หลายประเทศ ดังนั้น เราถึงได้ไม่พบโฆษณาใดๆให้กวนใจ พวกเขาไมได้ลงทุนตั้ง Server เองเขาให้บริการ Google Cloud และ Amazon เป็น Infrastructure 

การใช้ social media ของคนแต่ละกลุ่มมีวัตถุประสงค์ไม่เหมือนกัน คนทำงานใช้ Social media เพื่อการทำงานที่ไหนมีคนเยอะมาใช้กันเยอะๆ ก็มีการซื้อขายกัน

สื่อสารมวลชน ก็ใช้เพือการสื่อสารออกไปถึงผู้รับข่าว ก็ใช้งานเพื่อการนั้นๆ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะมาใช้ Facebook, Twitter, YouTube, Line

Telegram โดยมากใช้กันในกิจกรรมที่เป็นความลับ หลายประเทศที่มีปัญหาทางการเมือง ก็มีคนที่นำไปใช้ เพื่อการติดต่อสื่อสารกันระหว่างกลุ่ม

แต่ละประเทศรับมือกับ Telegram กันอย่างไร

จีน ปิดกันไม่ให้ใช้งาน Telegram และกำลังจะมีการปิดกันการใช้งานที่อ่องกง ด้วยวฺิธีนี้เป็นวิะีที่รุ่นแรง 

รัฐเซีย ก็เคย ปิดบริการ โดยขอร้องไปยัง google และ Apple ให้เอาแอปพลิเคชั่นนี้ออกจาก Play Store แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ ต่อมารัฐบาลรัฐเซีย ก็ ใช้งาน Telegram เพื่อสื่อสารเรือง Covid-19 ไปยังผู้คน และใช้งานเป็นที่แพ่หลาย

ไทย ทันทีที่ รัฐบาล รู้ว่ากลุ่ม ผู้ชุมนุม ใช้ Telegram เพื่อสื่อสารก็มีการประกาศสั่งปิดกั้น แต่ ในทางเทคนิคจะมีการให้ความร่วมมือจากเจ้าของเทคโนโลยี ได้หรือ ไม่นั้น ยิ่งทำให้น่าติดตาม

ถึงแม้จะปิด Internet

ก็จะมีแอป Chat แบบ ออฟไลน์ให้ใช้งานกัน และ ฟรี และสามารถสื่อสารได้ระยะ 100 เมตรขึ้นไป และ ส่งต่อ ๆ กันไปได้ เช่น zapChat และ Bridgefy

ทางเทคนิค

ไม่ว่าจะปิดกันในแบบ ขอร้องให้ Apple กับ Google ปิดการดาว์นโหลดจาก Play store ในทางเทคนิค ก็สามารถเข้าไปดาว์โหลดได้ ด้วยการใช้ VPN และไป ดาว์โหลดในประเทศอืนที่ไม่ปิดกัน

การสั่งปิดสื่อของ อย่างช่อง voice tv , The standard และอื่น ๆ แต่ก็สามารถ ทำการถ่ายทอดสดในนามของชื่อใหม่ ๆ ได้อยู่ดี ไม่สามารถปิดกั้น ได้เหมือน ยุคก่อนมีอินเตอร์เน็ต

เมื่อรัฐปิด ก็จะมีผลกระทบตามมา หลาด้าน กลายเป็นเงื่อนไข อีกข้อที่ทำให้การลงมาบนถนนเพิ่มมากขึ้นเพราะถ้าหากใครติดตาม ทีวีดิจิตอลจะพบว่า มีข่าวการชุมนุมน้อยมาก เมื่อเทียบกับช่องทาง ไลฟ์สด ทาง ทำให้ตอนนี้ เพจเกิดใหม่ในเฟสบุคที่ขยันไลฟสด มียอดผู้ติดตามมากขึ้น

การรับมือของรัฐ

การรับมือของ รัฐที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น IO ก็ดีจะเป็นในลักษณะของการเข้าไปทำ comment ฝั่งตรงข้ามเพื่อให้เกิดความขัดแย้งกันมากกว่า ที่จะใช้เหตุและผลในการอธิบาย 

ไม่ควรจัดม๊อบชนม๊อบ เพื่อให้เกิดสถานการณ์รุนแรง รัฐควรใช้ เครื่องมือออนไลน์ ทำสำรวจ ใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี ทำ Social mining เพื่อวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริง ไม่ควรที่จะ บอกว่านักศึกษาไทยคิดเองไม่เป็น เรียบแบบฮ่องกง

รัฐบาลเองไม่ต้องรอเวลานัดประชุมนัดเจอ ใช้เทคโนโลยีในการประชุมทางไกลแทน ทั้งๆที่มี พรบ ออกมารองรับแล้วว่าการประชุม ด้วยดิจิทัล สามารถทำได้

วิวัฒนาการของการชุมนุม

การชุมนุมในครั้งนี้ทำให้นึกถึง กิจกรรมสัมมนา ในแวดวง ไอที หลายปีมาแล้ว การจัดกิจกรรมทางไอที ที่ออกมาคล้าย ๆ กับการชุมนุม เช่น งาน Bar Camp ที่การจัดงานไม่มี การระบุผู้พูดผู้บรรยาย และหัวข้อที่อยากพูดล่วงหน้า ใครอยากพูดก็ ไปขึ้นกระดานไว้ในงานและก็มีการโหวดกันว่าใครอยากฟังเรื่องอะไร ก็ไปลงคะแนนกัน ถ้าคนเยอะก็แยกย้ายกันไปใช้ห้องประชุมใหญ่หน่อย ครั้งแรก BarCamp ถูกจัดขึ้นในพาโลอัลโต, แคลิฟอร์เนียจากวันที่ 19-21 สิงหาคม 2005 ในสำนักงานของSocialtext การจัดงานเตรียมขึ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ จากแนวคิดสู่กิจกรรมโดยมีผู้เข้าร่วม 200 คน และ ก็นำเอาไปจัดงานแบบนี้กันไปทั่วโลก ประเทศไทยเองก็เคยจัด กันต่อเนื่องมาหลายปี

อ้างอิง

https://en.wikipedia.org/wiki/Telegram_(software)#cite_note-181
https://en.wikipedia.org/wiki/Telegram_(software)#Encryption_scheme
https://www.barcampbangkok.org/

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Twitter บล๊อกบัญชี ไทย 926 บัญชีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร(information operations)

 เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม twitter ได้ออกรายงาน [1]ถึงการลบเครือข่ายปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารซึ่งมี สี่ประเทศสำหรับเดื่อนตุลาคม คือ ไทย คิวบา ซาอุดิอารเบีย รัฐเซีย ซึ่งไทยนั้นมีจำนวน 926 บัญชี

[2]นโยบายของการใช้งาน platform เพื่อให้เกิดควาวมโปร่งใสน่าเชื่อถือของข้อมูลบน Twitter กฎของ Twitter มีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการกับพฤติกรรมต้องห้ามในวงกว้าง ได้แก่ :

  • สแปมที่มีแรงจูงใจทางการค้าซึ่งโดยทั่วไปมีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดการเข้าชมหรือความสนใจจากการสนทนาบน Twitter ไปยังบัญชีเว็บไซต์ผลิตภัณฑ์บริการหรือโครงการริเริ่มต่างๆ
  • การมีส่วนร่วมที่ไม่ถูกต้องซึ่งพยายามทำให้บัญชีหรือเนื้อหาเป็นที่นิยมหรือมีการใช้งานมากกว่าที่เป็นอยู่
  • กิจกรรมที่มีการประสานงานซึ่งพยายามที่จะชักจูงการสนทนาโดยเทียมผ่านการใช้หลายบัญชีบัญชีปลอมระบบอัตโนมัติและ / หรือการเขียนสคริปต์ และ
  • กิจกรรมที่เป็นอันตรายการประสานงานที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนพฤติกรรมที่ละเมิดกฎทวิตเตอร์
จะเห็นได้ชัดเจนว่า การป้องกันและเปิดเผยข้อมูลการวิเคราะห์และปิดบัญชีของกลุ่มต่าง ๆ ที่มีส่วนในการ spam ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือของ twitter และป้องกันการปั่นกระแส 

Twitter ให้ Standford ทำการวิเคราะหืและรายงาน จริง ๆ แล้วก็มีทุกเดือนเพียงแต่เดือนนี้มีของประเทศไทยรวมอยู่ด้วย

[3]รายงานของ Standford ระบุชัดเจนว่าเครื่อข่ายมีการลงทะเบียนช่วงเดือน ธันวาคม 2019  และเดือน มกราคม 2020 และแต่ละบัญชีมี  Engagement ต่ำ ในทางการตลาดออนไลน์ หมายถึง การที่คนออนไลน์ หรือคนที่ติดตามคุณอยู่บนโลกออนไลน์ “มีส่วนร่วม” กับแบรนด์ หรือร้านของคุณในช่องทาง Social Mediaต่างๆ และมีหลายตัวอย่างที่ บัญชีกลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถอ่านข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติ่มจาก link อ้างอิงด้านล่าง


อ้างอิง

[1] https://blog.twitter.com/en_us/topics/company/2020/disclosing-removed-networks-to-our-archive-of-state-linked-information.html

[2]https://help.twitter.com/en/rules-and-policies/platform-manipulation

[3]https://cyber.fsi.stanford.edu/news/twitter-takedown-october-2020

Social media ของคนไทย สำหรับคนที่ชอบข้อมูลข่าวสาร

Blockdit เป็น social media ของคนไทย ที่น่าสนใจ โดยคำว่า Blockdit มาจากคำว่า Block ที่มาจากคำว่า กล่อง คือมองเนื้อหาที่แสดงออกมาเป็นกล่อง ส่วนคำว่า Dit มาจาก Editor ก็คือผุ้เขียนหรือนักเขียน ด้วยแนวคิดที่ว่าเฟสบุคนั้นเป็นรูปแบบต่างประเทศมีการปิดกันการมองเห็น และมีฟีดโฆษณาเข้ามามากมายและมักจะมีไลฟ์ขายของมากมาย  ดังนั้นหาใครต้องการอ่านเนื้อหาที่เป็นข่าวสาระต่างๆ ลองมาดูกันครับ

การสม้ครใช้บัญชีเฟสบุค หรือ จะใช้ เบอร์โทรศัพท์สมัครก็ได้ การสมัครใช้งานไม่ต้องใ้ข้อมูลมากมาย ถ้าหากสมัครด้วย App บนมือถือก็จะมีข้อมูลตัวช่วยข้อสงสัยต่างๆให้อ่านทำความเข้าใจ

    เนื่องจาก Blockdit ไม่สามารถโพสแบบส่วนตัวได้ทุกคเมื่อสมัครแล้วต้องสร้างเพจ จึงจะโพสต์ได้ ดังนั้นเพจ ของ Blockdit ก็จะแบ่งเป็นหมวดหมู่ของเนื้อหาต่าง ๆ ที่มีให้เลือก ว่าเนื้อหาเราจะอยู่กลุ่มไหน ช่วงแรกๆนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ใครเข้าไปใหม่ๆก็สามารถใช้ชื่อให้จดจำง่าย

แรกๆคงต้องโพสต์เนื้อหาที่เป็นข้อความพร้อมรูปไปก่อน หากต้องการโพสต์วีดีโอต้องมีผู้ติดตาม 100 คนขึ้นไปจึงจะโพสต์วีดีโอได้

การสร้างรายได้ จากการเขียนบทความก็สามารถทำได้ แต่ ต้องมีผู้ติดตาม 1,000 คนขึ้นไป ปุ่มสร้างรายได้จะเปิดให้สามารถคลิกเข้าไปได้ และเนื้อหาต้องเป็นเนื้อหาที่สร้างเอง 90% โพสต์บทวามต้องไม่น้อยกว่า 200 ตัวอักษร มีรายงานว่าผู้ติดตามเราเป็นคนกลุ่มไหมเพสอะไรชอบอ่านอะไร การได้ ดาว เท่ากับ 100  โดยที่ดาววัดมาจากการมีส่วนร่วม รายได้จาก เพชร เป็นเนื้อหาที่คนอ่าน ชอบ และสนับสนุนเรา และส่งเพชรให้เราคล้าย ๆ ส่งของขวัญให้พวก ถ่ายทอดสด 1 เพชร เทากับ 0.3 บาท

โพสต์ตาง ๆสามารถ จ่ายเงินเพื่อให้มีการเข้าถึงง่ายขึ้นเช่นเดี่ยวกับ การโพสต์ที่สามารถทำเงินได้นั้นจะต้องมีผู้กดถูกใจในหนึ่งวันหลักร้อยขึ้นไปแลัวได้รับ ดาว เหมือนกับเนื้อหานั้นได้รับความนิยมภายในหนึ่งวันแต่อย่าลืมว่าต้องมีผู้ติดตามมากกว่า 1000 


ใครเป็นคนสร้าง Blockdit คำตอบคือกลุ่มคนไทยที่ใช้ชื่อว่าลงทุนแมน สร้าง social media เพื่อให้คนไทยมีแพทฟร์อมโซเชียวมีเดีย เอาใจคนเสพสาระความรู้ ให้เลือก ติดตามมากมาย ปัจจุบัน เปิดเผยว่ามีจำนวน 300,000 บัญชี 

blockdit ถือว่าเป็นโซเชียวมีเดียทางเลือกที่น่าสนใจ เปิดตัวมาหนึงปีแล้วใครสนใจก็ลงมือติดตั้งและสร้างเนื้อหากันเลยครับ

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2563

แนะนำ เครื่องมือวางแผนท่องเที่ยว และอาชีพ Travel Stylist

 ก่อนจะไปรู้จัก แอปพลิเคชั้นที่ให้คำแนะนำการท่องเที่ยว และอาชีพแนวใหม่ มาดูข้อมูลการท่องเที่ยวของคนไทยผ่าน การเปิดเผยข้อมูลของ booking.com เว็บไซต์จองที่พัก เช่ารถ และซื้อ ตั๋วเครื่องบินเปิดเผยข้อมูล ปัจจุบันคนไทยเดินทางท่องเที่ยวระยะทางใกล้ๆ หรือ เที่ยวใกล้บ้านมากขึ้น เป็นการเปิดเผยตัวเลข ช่วงเดือน มิถุนายน ถึง สิงหาคม  รูปแบบการเดินทางในช่วงฤดูฝนนี้ Booking.com พบว่าระยะทางโดยเฉลี่ยที่คนไทยออกเดินทางระหว่างช่วงมิถุนายนถึงสิงหาคมนั้นลดลง 46%[1] เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเมื่อย้อนกลับไปช่วงฤดูฝนปี 2562 นักเดินทางชาวไทยเดินทางโดยเฉลี่ย 1,774[1] กิโลเมตรต่อการจองที่พักหนึ่งครั้ง โดยในช่วงหน้าฝนที่ผ่านมานี้ระยะทางโดยเฉลี่ยลดลงเหลือเพียง 966 กิโลเมตรต่อหนึ่งการจอง ซึ่งเทียบเท่ากับระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปสงขลา



ความสุขวัดไม่ได้ด้วยจำนวนกิโลเมตร

เกือบทั้งหมดหรือ 96%[3] ของจำนวนระยะทางที่คนไทยเดินทางระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม 2563 เป็นการเดินทางภายในประเทศ ในขณะที่ปีที่แล้วมีการเดินทางในประเทศเพียง 32% เท่านั้น โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมตลอดกาลของคนไทยอย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หัวหิน และพัทยา ติดอันดับต้นๆ ของจุดหมายปลายทางที่คนไทยนิยมจอง โดยคนไทยส่วนใหญ่ไปเที่ยวเพื่อกลับมาสานสัมพันธ์กับเพื่อนหรือคนในครอบครัวอีกครั้ง ด้วยการร่วมรับประทานอาหาร ช้อปปิ้ง หรือเที่ยวชมเมืองยามค่ำคืน




กลับไปท่องเที่ยวกับสถานยอดฮิตอีกครั้ง – จากกรุงเทพฯเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ไปจนถึงนครพิงค์กลางขุนเขาอย่างเชียงใหม่


กรุงเทพฯ มีชื่อเสียงในฐานะเมืองที่ไม่เคยหลับใหลและเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ คอยชักชวนให้นักเดินทางได้กลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้งโดยไม่รู้เบื่อ เพราะนอกจากจะมีสตรีทฟู้ดที่ดีที่สุดในโลกแล้ว ยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนสามารถเยี่ยมชมได้ทุกวัน หลายที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง อีกหนึ่งจุดหมายยอดนิยมในช่วงฤดูฝนปี 2563 คือเชียงใหม่ เมืองแห่งวัฒนธรรมและธรรมชาติตระการตา ที่เปิดโอกาสให้ผู้เดินทางสามารถสัมผัสกับเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมล้านนาที่ไม่เหมือนใคร

ในขณะที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวขวัญใจคนเมืองขนานแท้ นักท่องเที่ยวชาวไทยก็ยังเลือกไปเที่ยวทะเล แม้ว่าจะอยู่ระหว่างฤดูฝน โดยจุดหมายปลายทางที่คนไทยนิยมจอง(6) ยังคงเป็นหัวหิน และ พัทยา

เมื่อพูดถึงการเลือกที่พัก คนไทยมีแนวโน้มที่จะเลือกเข้าพักในวิลล่า ตามด้วยรีสอร์ต และที่พักสไตล์เต็นท์[7] ความนิยมของที่พักสไตล์เต็นท์ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการท่องเที่ยวไปจากรูปแบบเดิมที่เราเคยพบเจอมา โดยเมื่อมองย้อนกลับไปในปี 2562 ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก มีคนไทยเพียง 58% ที่เลือกพักในรีสอร์ต และเพียง 22% เลือกพักในที่พักแบบแคมป์หรือเต็นท์(8)


แนะนำเครื่องมือหาสถานที่เที่ยว

ข้อมูลสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวไทยหากใครไปต่างจังหวัดแต่ไม่รู้ว่าจังหวัดนั้นๆมีแหล่งท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจ แล้วจะ วางแผนท่องเที่ยวอย่างไร วันนี้คงไม่สายเกินไป ที่จะแนะนำแอปพลิเคชั่น Trip advisor   https://www.tripadvisor.com/ แอปพลิเคชั่นนี้ ผมชอบมาก เพราะจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่เราอยู่ในเวลานั้นเหมาะมาก หากใครกำลังเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด แต่ มีเวลาที่จะได้พักผ่อนไปด้วย บางครั้งการท่องเที่ยว เมืองรอง เราอาจจะนึกไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนดี แอปนี้จะแนะนำให้เลยว่ามีสถานที่ใดบ้างในระยะทางใกล้เคียง


ปิดท้ายด้วยแนะนำอาชีพนักออกแบบการเดินทาง Travel Stylist  

อาชีพนี้เป็นอาชีพใหม่ที่น่าสนใจเพราะเป็นการช่วยเหลือคนที่ต้องการเดินทางท่องเทียวแต่ไม่รู้ว่าจะไปช่วงไหนถึงจะได้เที่ยวตามที่ใจต้องการ เช่น อยากชมพระอาทิตยืขึ้นที่ภูชีฟ้า พร้อมกับทะเลหมอก หากไปช่วงนี้อาจจะเจอฝนและหมอกลงเต็มไปหมด ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า ดังนั้นต้องอาศัยการวางแผนการท่องเที่ยว จากผู้ที่มีประสบการณ์ ดังนั้น ถ้าอยากไปเที่ยวแล้ว มีการวางแผนที่ดีแนะนำให้ใช้บริการ นักออกแบบการท่องเที่ยว หรือ ใครอยาก ทำอาชีพนี้ก็ลองศึกษา วิธีการ และ ใช้เครื่องมือออนไลนืต่าง ๆ 


หมายเหตุ ถึงบรรณาธิการเกี่ยวกับข้อมูล

1.   ระยะทางเฉลี่ยคำนวณโดยใช้ระยะทางระหว่างตำแหน่งโดยประมาณของผู้จองตามรหัส IP และปลายทางเป็นเส้นตรง การเปลี่ยนแปลงปีต่อปีคำนวณโดยใช้ข้อมูลการจองของนักเดินทางชาวไทยระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม 2563 เทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2562

2.   ระยะทางระหว่างกรุงเทพฯ - สงขลาคำนวณได้ 966.4 กิโลเมตร

3.   ส่วนแบ่งของระยะทางทั้งหมดที่เดินทางโดยนักเดินทางชาวไทยตามระยะทางที่แน่นอน อ้างอิงจากผลรวมของระยะทางที่แน่นอนระหว่างเมืองต้นทางและจุดหมายปลายทางของการเดินทางทั้งหมด

4.   อ้างอิงจากจุดหมายปลายทางที่มีการจองสูงสุดระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม 2563 (ในประเทศและต่างประเทศ)

5.   ในการคำนวณจุดหมายปลายทางยอดนิยม 100 อันดับแรกของไทยที่มีการจองมากที่สุดได้รับการจัดเรียงตามความแตกต่างของปีในการจองระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2563 และเดือนเดียวกันในปี 2562 ได้โปรดทราบหากว่าข้อมูลด้านการเดินทางโดยรวมตกต่ำไม่สามารถระบุอย่างแน่นอนได้ว่าจุดหมายปลายทางที่กำลังมาแรงมียอดจองเพิ่มขึ้น

6.   จุดหมายปลายทางในประเทศที่มีการจองสูงสุด 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม 2563 สำหรับนักเดินทางชาวไทย

7.   ประเภทที่พักยอดนิยมที่จองโดยผู้เดินทางชาวไทยบน Booking.com ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม 2563 และเดือนเดียวกันในปี 2562 อ้างอิงจากการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ

8.   การสำรวจนี้ดำเนินการโดย Booking.com โดยได้สอบถามกลุ่มตัวอย่าง 50,688 คนในจุดหมายปลายทาง 29 แห่งรวมถึง 1,955 คนจากประเทศไทย การเข้าร่วมการสำรวจนี้ผู้ตอบแบบสอบถามต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และต้องเดินทางอย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาและเป็นผู้ตัดสินใจหลักหรือมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเดินทาง แบบสำรวจนี้จัดทำขึ้นทางออนไลน์ในเดือนพฤศจิกายน 2562

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2563

โอกาศของคนจะหางานหรืออยากจ้างงานฟรีแลนซ์อ่านทางนี้

ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีก็เปลี่ยนตาม การทำงานก็เปลี่ยนด้วยเช่นกัน... คนที่มีฝีมือสามารถหางานได้โดยไม่ต้องไปเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศ อยู่บ้านหางานทำออนไลน์ มีรายได้ทั้งเงินบาท เงินดอลล่าร์ ไม่ต้องออกจากงานใช้เวลาว่างทำงาน หรือถ้าหากต้องออกจากงาน จะมาหางานอะไรทำต่อไปดี.... นักศึกษายังไม่จบก็สามารถทำงานไปเรียนหนังสือไป...

งานฟรีแลนซ์หรืองานออนไลน์เป็นงานทีหารายได้ อีกวิธี และปัจจุบันก็มีช่องทางในการหางานโดยที่ไม่ต้องออกจากบ้านไปวิ่งขายงาน นำเสนอความสามารถ อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลอีกว่า เมื่อทำงานเสร็จแล้วจะไม่ได้รับค่าจ้าง เพราะการจ้างจะผ่านคนกลางที่จะดูแลเรื่องนี้

วันนี้จะมาแนะนำเว็บไซต์หางานสำหรับฟรีแลนซ์ และ ยังสามารถให้ผู้ว่าจ้างเลือกที่จะจ้างงานเป็นเรื่อง ๆ ไปอีกด้วยเช่นวันนี้เรามี ผลิตภัณฑ์ ที่ยังไม้ได้ออกแบบโลโก้เราก็สามารถหาฟรีแลนซ์ที่รับจ้างออกแบบโลโก้ให้เราได้ หรือ ต้องการหานักออกแบบแพคเกจสำหรับสินค้าเราก็จะสามารถมองหาฟรีแลนซ์ฝีมือดีมาออกแบบให้เราได้

ผู้สมัครเป็นฟรีแลนซ์ก็จะต้องทำเสนอความสามารถพร้อมผลงาน และผู้ว่าจ้างเมื่อได้รับงานแล้วต้องมารีวิวผลงานให้ ดังนั้นเมื่อทำไปนานๆ ผู้รับจ้างก็จะน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

ผู้ว่าจ้างเองก็เช่นกัน ผู้จะรับงานก็จะรู้ได้ว่า ได้คะแนนจากผู้รับจ้างมาเท่าไหร่แล้ว

1. เว็บในประเทศไทยที่อยากแนะนำก็คือ https://fastwork.co/   งานส่วนใหญ่ในนี้มีหลายประเภทมากจะเป็นงานออกแบบกราฟฟิก งานการตลาดออนไลน์เช่น เขียนคำโฆษณา งานตัดต่อวีดีโอ จ้างรีวิวสินค้า สำหรับ fastwork เป็นแพทฟรอม หางาน โดย Startup ไทย

2. เว็บ https://www.freelancer.co.th/ เป็นแพทฟอร์มมาจากต่างประเทศพยายามเข้ามาให้บริการในประเทศแต่การจ้างงานโดยมากมาจากต่างประเทศ จุดเด่นของเว็บนี้คือสมัครรับงานง่ายมาก ในเบื้องต้นยังไม่ต้องกรอกอะไรมากเพียงแต่บอกว่าเรามีความสามารถอะไร อยู่ในระดับไหน หลังจากนั้นเราค่อยเข้าไปเพิ่ม แต่ในระหว่างนั้นจะมีงานมานำเสนอว่า มีใครจะจ้างงานในงานที่เรามีความถนัดบ้าง ผู้ว่าจ่างเป็นใคร ต้องการให้งนเสร็จภายในกี่วัน และมีคะแนนและรีวิว ระดับไหน

3. https://www.fiverr.com/ เป็นแพทฟอร์มจากต่างประเทศที่มีประเภทของงานเยอะมาก และถ้าหากต้องการจะจ้างชาวต่างชาติทำงานก็ไม่แพง งานบางอย่างเริมที่ราคา 10$ เช่นงานบันทึกเสียงในภาษาต่าง ๆ เป็นต้น

ดังนั้นในยุคนี้หากต้องการรายได้เสริมรายได้หลัก อาชีพอิสระ สามารถเริ่มต้นด้วยการทำไปพร้อม ๆ กับงานประจำ หาแหล่งงานหลายๆด้าน และประเมินความสามารถของตัวเองว่าเราจะสามารถทำงานอะไรได้บ้าง หรือถ้าหากยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร ลองเข้าไปดูงานออนไลน์ของทั้งสามเว็บนี้ดูก่อนว่า งานอะไรที่ตลาดต้องการ แล้วความสามารถของเราต้องประปรุงอะไรบ้าง 

หรือบางคนมีความสามารถด้านภาษาอาจจะเป็นคนกลางประสานงานต่างประเทศแล้วมาแบ่งกันทำกับเพื่อนในประเทศก็สามารถทำได้

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2563

รัฐบาลสิงคโปร์ ชวนประชาชนของเขา ดูแลสุขภาพผ่าน LumiHealth

 เห็นข่าวนี้ก็อดที่จะเอามาเล่าต่อไม่ได้ เป็นความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลสิงคโป และ บริษัทเอกชนอย่าง Apple และข่าวนี้ก็ วางแผนที่จะออกมาหลังจากที่มีการเปิดตัว Apple Watch ซีรี่ 6 เมื่อวันที่ 16 กันยาที่ผ่านมา ฟีเจอที่เพิ่ทเข้ามาในรุ่นนี้ก็คือ เซ็นเซอร์ที่สามารถวัด ออกซิเจนในเลือด ผ่านแสงสีแดงที่ส่องลงไปใต้ผิวหนังและสะท้อนกลับมาประมวลผล 



ระดับออกซิเจนต่ำ (Hypoxemia) คือ แรงดันออกซิเจนหรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนน้อยว่าปกติ นั่นคือการมีระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 60 มิลลิเมตรปรอท หรือมีค่าความอิ่มตัวในเลือดน้อยกว่า 96% การที่มีระดับออกซิเจนต่ำอาจเกิดได้จากการเป็นโรคโลหิตจาง โรคปอดเรื้อรัง โรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดบวม หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดลมและปอด ภาวะน้ำท่วมปอด ซึ่งโรคเหล่านี้จะทำให้ปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ ร่างกายจึงเกิดภาวะขาดออกซิเจน ส่งผลให้มสมองทำงานและสั่งงานช้าลง หรือเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว หรือการเข้าไปอยู่ในสถานที่อับอากาศก็เป็นสาเหตุให้เกิดสภาวะออกซิเจนต่ำได้

อ้างอิงจาก[1] https://www.mcareshop.com/article/4/

Apple Inc.และรัฐบาลสิงคโปร์ได้ร่วมมือกับโครงการด้านสุขภาพระยะเวลาสองปีที่เรียกว่า LumiHealth ซึ่งสร้างขึ้นจากการติดตามและให้รางวัลแก่พฤติกรรมของผู้ใช้ผ่านอุปกรณ์ Apple Watch และแอป iPhone

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับ LumiHealth https://www.healthhub.sg/programmes/lumihealth#faq ซึ่งใช้กับประชาชนของสิงคโป ชาวสิงคโปร์จะสามารถรับรางวัลและบัตรกำนัลได้มากถึง S $ 380 ($ 280) โดยทำตามเป้าหมายและภารกิจที่กำหนดไว้ในแอป เป้าหมายสามารถทำได้โดยการเดินหรือทำแบบฝึกหัดอื่น ๆ เช่นว่ายน้ำหรือโยคะและแอป LumiHealth จะนำเสนอการฝึกสอนและการแจ้งเตือนส่วนบุคคลสำหรับการตรวจคัดกรองสุขภาพและการฉีดวัคซีน ความท้าทายด้านสุขภาพจะกระตุ้นผู้ใช้ให้เลือกอาหารที่ดีขึ้นและปรับปรุงพฤติกรรมการนอนหลับ

โครงการนี้ ประชาชนต้องมี Apple watch ซีรี่ย์ 3 ขึ้นไปจึงจะเข้าร่วมโครงการได้

รองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ กล่าวว่า “ แม้ว่าเราทุกคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายของ COVID-19 เราก็ต้องลงทุนต่อไปเพื่ออนาคตของเรา และไม่มีการลงทุนใดที่ดีไปกว่าสุขภาพส่วนตัวของเราเอง”

สำหรับเซ็นเซอร์ของ Apple Watch นั้น เมื่อปี 2019 กับ Apple Watch รุ่นก่อนหน้านั้น นักวิจัยจาก Stanford University School of Medicine ได้นำเสนอผลการศึกษาเบื้องต้นของ Apple Heart Study โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 400,000 คน นักวิจัยรายงานว่าเทคโนโลยีที่สวมใส่ได้สามารถระบุความผิดปกติของอัตราการเต้นของหัวใจได้อย่างปลอดภัยซึ่งการทดสอบในภายหลังยืนยันว่าเป็นภาวะหัวใจห้องบนซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหลอดเลือดสมองและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกา

ข้อค้นพบที่สำคัญจากการศึกษา ได้แก่ :

  • โดยรวมแล้วมีผู้เข้าร่วมเพียง 0.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับชีพจรที่ผิดปกติซึ่งเป็นการค้นพบที่สำคัญเนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับการแจ้งเตือนเกินที่อาจเกิดขึ้น
  • การเปรียบเทียบระหว่างการตรวจจับชีพจรที่ผิดปกติบน Apple Watch และการบันทึกแพทช์คลื่นไฟฟ้าหัวใจพร้อมกันแสดงให้เห็นว่าอัลกอริธึมการตรวจจับชีพจร (ระบุการอ่านค่าทาโคแกรมเป็นบวก) มีค่าทำนายผลบวก 71 เปอร์เซ็นต์ แปดสิบสี่เปอร์เซ็นต์ของเวลาผู้เข้าร่วมที่ได้รับการแจ้งเตือนชีพจรผิดปกติพบว่าอยู่ในภาวะหัวใจห้องบนในเวลาที่ได้รับการแจ้งเตือน 
  • หนึ่งในสาม (ร้อยละ 34) ของผู้เข้าร่วมที่ได้รับการแจ้งเตือนชีพจรผิดปกติและติดตามโดยใช้แพทช์ ECG ในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาพบว่ามีภาวะหัวใจห้องบน เนื่องจากภาวะหัวใจห้องบนเป็นภาวะที่ไม่ต่อเนื่องจึงไม่น่าแปลกใจที่จะตรวจไม่พบในการตรวจติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจในภายหลัง 
  • ห้าสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ได้รับการแจ้งเตือนชีพจรผิดปกติขอความช่วยเหลือจากแพทย์

สำหรับการศึกษาผู้เข้าร่วมแต่ละคนจะต้องมี Apple Watch (ซีรีส์ 1, 2 หรือ 3) และ iPhone Apple Watch

ส่วน Apple Heart Study ไมไ่ด้มีบริการในประเทศไทย

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2563

เพียงแค่บอก สามคำก็ระบุตำแหน่งที่เราไม่รู้จักได้

 หลายคนอาจจะเคยเกิดปัญหาเมื่อเกิด อุบัติเหตุ แล้วไม่รู้ว่าจะแจ้งตำแหน่ง ว่าเกิดเหตุที่ไหนบนถนนอะไร เจ้าหน้าที่ถาม มุ่งหน้าเข้าหรือออก เราก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง



วันนี้มีบริการใหม่ ชื่อว่า https://what3words.com/ ให้ความแม่นยำสูง เพราะได้ใช้พิกัสตารางบนพื้นโลกเพียง 3x3 เมตรเท่านั้น ให้ลองนึกภาพว่าตำแหน่งที่เรานั่งอยู่มีตาราง 3 x 3 เมตรต่อกัน แต่ละตำแหน่งมีชื่อเรียก โดยที่ใช้ คำสามคำมาต่อกันเหมือนกับชื่อเว็บไซต์ เช่น https://what3words.com/แม่พระ.สูงมาก.เต่ง


และสามารถระบุเป็นชื่อ


ภาพจาก https://what3words.com/news/ride-hailing/all-electric-chauffeur-service-havn-integrates-what3words/

การนำไปใช้งาน

มีตัวอย่างการนำไปใช้กับ Airbnb  เพื่อระบุจุดทั้งแคมป์ที่จองไว้กับชนเผ่ากวางเรนเดีย ซึ่งพวกเขาจะย้ายถิ่นฐานบ่อยดังนั้น ใครจะจองสถานที่ค่อนค่างจะยาก Airbnb จึงนำ what3words มาใช้เพื่อระบุตำแต่งในการตั้งแคมป์ และตอนนี้ ครอบครัว ชนเผ่า Dukha  ได้ใช้ what3words ระบุว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน

ตัวอย่างการระบุจุดตั้งแคมป์

Network Rail เป็นเจ้าของดำเนินการและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของสหราชอาณาจักรใช้ในการแจ้งความเสียหายของเส้นทาง
 

ลองนึกภาพเมื่อรถไฟพาเราผ่านไปในสถานที่ ที่เราไม่รู้จัก ก็มักจะบอกไม่ได้ว่าตำแหน่งๆต่าง ๆ ที่อยู่บนทางรถไฟจุดที่ชำรุดเกิดดินถล่มอยู่ตำแหน่งไหนบนแผนที่

Shop & Ship นำ what3words เพื่อประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น



ที่  Kingdom of Saudi Arabia แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศส่วนใหญ่ไม่ได้จัดส่งพัสดุไปยังราชอาณาจักร แพลตฟอร์มการจัดส่ง Shop & Ship ของ Aramex ทำให้ Saudis สามารถซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้นโดยสั่งซื้อสินค้าไปยังสถานที่จัดเก็บใน 24 ประเทศจากนั้นจะจัดส่งไปยังซาอุดิอาระเบียเพื่อจัดส่งถึงบ้าน


ต่อไปนี้เมื่อเรา้เจอใครส่ง คำสามคำมา เราควรจะนำไปเปิดกับ ระบบแผนที่ของ what3words ก็จะได้กับตำแหน่งที่ถูกต้อง โอกาศที่ชื่อจะซ้ำกันก็มีเขาจึงมีการระบุประเทศลงไปด้วย เพื่อให้รหัสชื่อสามคำนั้นอ่านง่าย

 what3words ปัจุบัน มี 45 ภาษา (และยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ... ) ทำให้มีผู้เราสามารถเข้าถึงบริการได้มากขึ้นและเป็นมาตรฐานการระบุที่อยู่ทั่วโลกแบบใหม่