วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563

การลงคะแนนเลือกตั้งด้วย Smart Phone ทำไมยังไม่พร้อม

 มีการทดลองใช้วิธีการลงคะแนนเลือกตั้งผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ในสหรัฐอเมริกามาสามปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถนำมาใช้จริงทั้งระบบได้ ทั้งๆที่ การกรอกบัตรลงคะแนนบนสมาร์ทโฟนทำได้เหมือนกับการใช้งาน ธนาคารทางโทรศัพท์

สาเหตุก็เกิดมาจากความไม่ไว้วางใจระบบการเลือกตั้ง ของเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งกังวลเกี่ยวกับการเจาะระบบการลงคะแนน เพื่อทำการลงคะแนนในระบบ ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีอย่าง blockchain ด้วยก็ตาม Hacker อาจจะทำการแก้ไขระบบการนับคะแนน และคำถามตามมาอีกหลายข้อเช่น การป้องกันตัวตนของผุ้มีสิทธิืเลือกตั้ง หรือ สามารถตรวจสอบระบบหลังการเลือกตั้งได้หรือไม่

[1]ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมาชาวเมืองเอสโตเนียได้ใช้งานระบบลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอานาจักรผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรียกว่า I-Vote เพื่อลงคะแนนเสียงในระดับชาติ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2011ชาวเอสโตเนียใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากถึง 25% เพิ่มมา 5.5% เมื่อเทียบกับครั้งก่อน และปี 2014 มีผู้ใช้งานมากขึ้น 98% สำหรับการลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร

[2]ในสหรัฐ Bradley Tusk นักลงทุนที่เคยลงทุนกับ Uber ได้ทำการลงทุนกับระบบการลงคะแนนผ่าน smart phone โดยที่ Tusk ได้ให้เงินสนับสนุนโครงการนำร่องการลงคะแนนเสียงผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ผ่านองค์กรไม่แสวงกำไรชื่อว่า Tusk Philanthropies โดยคาดหวังว่าในอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้าคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับ สมาร์ทโฟนจะเรียกร้องหาบริการสำหรับการลงคะแนนเสียง ซึ่งตอนนี้กำลังทดสอบระบบโดยคาดว่าจะได้ใช้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ที่ผ่านมามีการลงคะแนนผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่แล้วอย่างน้อย 8 เขต โดยใช้กับเจ้าหน้าที่ทหารในต่างประเทศ หรือ กับพลเมืองที่มีความทุพลภาพ

เมืองเดนเวอร์ใช้ระบบในการลงคะแนนผ่านมือถือจาก Boston startup เรียกระบบนี้ว่า Voatz ในการเลือกตั้งระดับเทศบาลเมื่อปี 2019 

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2019 การเลือกตั้งระดับเทศบาลผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงทะเบียนใช้แอป Voatz ลงคะแนน โดยที่หนังสือรับรองและบัตรลงคะแนนจะถูกบันทึกลงระบบดิจิทัล แต่ก้สามารถพิมพ์ออกมาได้

Blockchain น่าจะมาแก้ไขปัญหาต่าง ๆได้ แต่ในทางปฏิบัติ ถึงแม้ระบบจะมีความปลอดภัยมีการเข้ารหัสกระจายไปในคอมพิวเตอร์มากมาย แต่ยังไม่มีวิธีที่จะยับยั้งการโจมตีระบบจากผู้ที่จะพยายามเข้ายึดเครือข่าย

ดังนั้นปัจจุบันระบบการลงคะแนนที่ปลอดภัย ของ Democracy live ที่ใช้ Amazon Web Services จะมีการจัดเก็บข้อมุลที่ปลอดภัย แต่ก็ยังคงถูกวิภาควิจารณ์ ด้วยเหตุนี้การลงคะแนนผ่าน สมาร์ทโฟน จึงยังต้องต่อสู้กันเรื่องแนวความคิด

ปิดท้ายสำหรับประเทศไทยก็มีเอกชน นักวิจัย รวมถึง นักการเมือง ที่มีแนวคิดอยากจะนำ Blockchain มาใช้ในการเลือกตั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะนำมาใช้ในการเลือกตั้ง แม้แต่ระดับท้องถิ่นได้ ด้วยเหตุที่ระบบต้องใช้งบลงทุนสูง และ เรื่องของความเชื่อมั่นอีกเช่นกัน รวมถึงการยอมรับของ กกต และ พรบ ที่ต้องออกมารองรับการลงคะแนนด้วยวิธีดิจิทัลที่ยังไม่มี


อ้างอิง

1. blockchain เปลี่ยนโลก หน้า 222 

2.https://www.wsj.com/articles/voting-by-phone-the-promise-and-peril-of-digital-ballots-11601636414?fbclid=IwAR2mwShZUczTXx8dDeM8iave-nQbl8js3LjGnWznGQv3z0mpYoSfP89tlME

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ดิจิทัลกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

 ช่วงนี้ มีประเด็นร้อนทางการเมืองหลายเรืองและแยกไม่ออกกับ IT กับการเมือง เรื่องร้อน ตั้งแต่คำสั้ง ปิดกลุ่ม ปิดเพจ ใน FaceBook หลังจากนั้น ก็มีการกระจายข่าวในกลุ่มผู้ชุมนุม ให้ติดตั้ง Telegram เป็นช่องทางสำรอง หากมีการปิดจริง ๆ ก็จะได้มีช่องทางสื่อสารบางคนมองว่าผู้ใหญ่ตามเด็กๆ ไม่ทัน แต่ จริง ๆ แล้ว ในกลุ่มคนที่ใช้ Application ตัวนี้ กันในกลุ่มที่ ซื้อขาย Digital currency เพราะเนื่อจาก Telegram ไม่มีโฆษณามากวนใจ และที่สำคัญ Telegram เข้ารหัสข้อความ ไม่สามารถดักข้อความแล้วนำมาถอดรหัสได้ ถึงแม้จะมีการ ยึด Server ได้ก็ไม่สามารถถอดรหัสได้เพราะ 

Telegram สร้างโดยสอง พี่น้อง ชาวรัฐเซีย นิโคไลและพาเวล ( Nikolai and Pavel Durov.) Nikolai Durov สร้างโปรโตคอลMTProtoที่เป็นพื้นฐานสำหรับผู้ส่งสารในขณะที่ Pavel ให้การสนับสนุนทางการเงินและโครงสร้างพื้นฐานผ่านกองทุน Digital Fortress โดยมีหุ้นส่วน Axel Neff ร่วมเป็นผู้ร่วมก่อตั้งคนที่สอง บริษัท และแอปนี้เริ่มต้นในรัสเซียและย้ายไปที่เยอรมนี ปัจจุบันเป็นองค์กรไม่แสวงกำไร และมีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง ย้ายไป ย้ายมา หลายประเทศ ดังนั้น เราถึงได้ไม่พบโฆษณาใดๆให้กวนใจ พวกเขาไมได้ลงทุนตั้ง Server เองเขาให้บริการ Google Cloud และ Amazon เป็น Infrastructure 

การใช้ social media ของคนแต่ละกลุ่มมีวัตถุประสงค์ไม่เหมือนกัน คนทำงานใช้ Social media เพื่อการทำงานที่ไหนมีคนเยอะมาใช้กันเยอะๆ ก็มีการซื้อขายกัน

สื่อสารมวลชน ก็ใช้เพือการสื่อสารออกไปถึงผู้รับข่าว ก็ใช้งานเพื่อการนั้นๆ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะมาใช้ Facebook, Twitter, YouTube, Line

Telegram โดยมากใช้กันในกิจกรรมที่เป็นความลับ หลายประเทศที่มีปัญหาทางการเมือง ก็มีคนที่นำไปใช้ เพื่อการติดต่อสื่อสารกันระหว่างกลุ่ม

แต่ละประเทศรับมือกับ Telegram กันอย่างไร

จีน ปิดกันไม่ให้ใช้งาน Telegram และกำลังจะมีการปิดกันการใช้งานที่อ่องกง ด้วยวฺิธีนี้เป็นวิะีที่รุ่นแรง 

รัฐเซีย ก็เคย ปิดบริการ โดยขอร้องไปยัง google และ Apple ให้เอาแอปพลิเคชั่นนี้ออกจาก Play Store แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ ต่อมารัฐบาลรัฐเซีย ก็ ใช้งาน Telegram เพื่อสื่อสารเรือง Covid-19 ไปยังผู้คน และใช้งานเป็นที่แพ่หลาย

ไทย ทันทีที่ รัฐบาล รู้ว่ากลุ่ม ผู้ชุมนุม ใช้ Telegram เพื่อสื่อสารก็มีการประกาศสั่งปิดกั้น แต่ ในทางเทคนิคจะมีการให้ความร่วมมือจากเจ้าของเทคโนโลยี ได้หรือ ไม่นั้น ยิ่งทำให้น่าติดตาม

ถึงแม้จะปิด Internet

ก็จะมีแอป Chat แบบ ออฟไลน์ให้ใช้งานกัน และ ฟรี และสามารถสื่อสารได้ระยะ 100 เมตรขึ้นไป และ ส่งต่อ ๆ กันไปได้ เช่น zapChat และ Bridgefy

ทางเทคนิค

ไม่ว่าจะปิดกันในแบบ ขอร้องให้ Apple กับ Google ปิดการดาว์นโหลดจาก Play store ในทางเทคนิค ก็สามารถเข้าไปดาว์โหลดได้ ด้วยการใช้ VPN และไป ดาว์โหลดในประเทศอืนที่ไม่ปิดกัน

การสั่งปิดสื่อของ อย่างช่อง voice tv , The standard และอื่น ๆ แต่ก็สามารถ ทำการถ่ายทอดสดในนามของชื่อใหม่ ๆ ได้อยู่ดี ไม่สามารถปิดกั้น ได้เหมือน ยุคก่อนมีอินเตอร์เน็ต

เมื่อรัฐปิด ก็จะมีผลกระทบตามมา หลาด้าน กลายเป็นเงื่อนไข อีกข้อที่ทำให้การลงมาบนถนนเพิ่มมากขึ้นเพราะถ้าหากใครติดตาม ทีวีดิจิตอลจะพบว่า มีข่าวการชุมนุมน้อยมาก เมื่อเทียบกับช่องทาง ไลฟ์สด ทาง ทำให้ตอนนี้ เพจเกิดใหม่ในเฟสบุคที่ขยันไลฟสด มียอดผู้ติดตามมากขึ้น

การรับมือของรัฐ

การรับมือของ รัฐที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น IO ก็ดีจะเป็นในลักษณะของการเข้าไปทำ comment ฝั่งตรงข้ามเพื่อให้เกิดความขัดแย้งกันมากกว่า ที่จะใช้เหตุและผลในการอธิบาย 

ไม่ควรจัดม๊อบชนม๊อบ เพื่อให้เกิดสถานการณ์รุนแรง รัฐควรใช้ เครื่องมือออนไลน์ ทำสำรวจ ใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยี ทำ Social mining เพื่อวิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริง ไม่ควรที่จะ บอกว่านักศึกษาไทยคิดเองไม่เป็น เรียบแบบฮ่องกง

รัฐบาลเองไม่ต้องรอเวลานัดประชุมนัดเจอ ใช้เทคโนโลยีในการประชุมทางไกลแทน ทั้งๆที่มี พรบ ออกมารองรับแล้วว่าการประชุม ด้วยดิจิทัล สามารถทำได้

วิวัฒนาการของการชุมนุม

การชุมนุมในครั้งนี้ทำให้นึกถึง กิจกรรมสัมมนา ในแวดวง ไอที หลายปีมาแล้ว การจัดกิจกรรมทางไอที ที่ออกมาคล้าย ๆ กับการชุมนุม เช่น งาน Bar Camp ที่การจัดงานไม่มี การระบุผู้พูดผู้บรรยาย และหัวข้อที่อยากพูดล่วงหน้า ใครอยากพูดก็ ไปขึ้นกระดานไว้ในงานและก็มีการโหวดกันว่าใครอยากฟังเรื่องอะไร ก็ไปลงคะแนนกัน ถ้าคนเยอะก็แยกย้ายกันไปใช้ห้องประชุมใหญ่หน่อย ครั้งแรก BarCamp ถูกจัดขึ้นในพาโลอัลโต, แคลิฟอร์เนียจากวันที่ 19-21 สิงหาคม 2005 ในสำนักงานของSocialtext การจัดงานเตรียมขึ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ จากแนวคิดสู่กิจกรรมโดยมีผู้เข้าร่วม 200 คน และ ก็นำเอาไปจัดงานแบบนี้กันไปทั่วโลก ประเทศไทยเองก็เคยจัด กันต่อเนื่องมาหลายปี

อ้างอิง

https://en.wikipedia.org/wiki/Telegram_(software)#cite_note-181
https://en.wikipedia.org/wiki/Telegram_(software)#Encryption_scheme
https://www.barcampbangkok.org/

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Twitter บล๊อกบัญชี ไทย 926 บัญชีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร(information operations)

 เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม twitter ได้ออกรายงาน [1]ถึงการลบเครือข่ายปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารซึ่งมี สี่ประเทศสำหรับเดื่อนตุลาคม คือ ไทย คิวบา ซาอุดิอารเบีย รัฐเซีย ซึ่งไทยนั้นมีจำนวน 926 บัญชี

[2]นโยบายของการใช้งาน platform เพื่อให้เกิดควาวมโปร่งใสน่าเชื่อถือของข้อมูลบน Twitter กฎของ Twitter มีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการกับพฤติกรรมต้องห้ามในวงกว้าง ได้แก่ :

  • สแปมที่มีแรงจูงใจทางการค้าซึ่งโดยทั่วไปมีจุดมุ่งหมายเพื่อดึงดูดการเข้าชมหรือความสนใจจากการสนทนาบน Twitter ไปยังบัญชีเว็บไซต์ผลิตภัณฑ์บริการหรือโครงการริเริ่มต่างๆ
  • การมีส่วนร่วมที่ไม่ถูกต้องซึ่งพยายามทำให้บัญชีหรือเนื้อหาเป็นที่นิยมหรือมีการใช้งานมากกว่าที่เป็นอยู่
  • กิจกรรมที่มีการประสานงานซึ่งพยายามที่จะชักจูงการสนทนาโดยเทียมผ่านการใช้หลายบัญชีบัญชีปลอมระบบอัตโนมัติและ / หรือการเขียนสคริปต์ และ
  • กิจกรรมที่เป็นอันตรายการประสานงานที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนพฤติกรรมที่ละเมิดกฎทวิตเตอร์
จะเห็นได้ชัดเจนว่า การป้องกันและเปิดเผยข้อมูลการวิเคราะห์และปิดบัญชีของกลุ่มต่าง ๆ ที่มีส่วนในการ spam ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือของ twitter และป้องกันการปั่นกระแส 

Twitter ให้ Standford ทำการวิเคราะหืและรายงาน จริง ๆ แล้วก็มีทุกเดือนเพียงแต่เดือนนี้มีของประเทศไทยรวมอยู่ด้วย

[3]รายงานของ Standford ระบุชัดเจนว่าเครื่อข่ายมีการลงทะเบียนช่วงเดือน ธันวาคม 2019  และเดือน มกราคม 2020 และแต่ละบัญชีมี  Engagement ต่ำ ในทางการตลาดออนไลน์ หมายถึง การที่คนออนไลน์ หรือคนที่ติดตามคุณอยู่บนโลกออนไลน์ “มีส่วนร่วม” กับแบรนด์ หรือร้านของคุณในช่องทาง Social Mediaต่างๆ และมีหลายตัวอย่างที่ บัญชีกลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถอ่านข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติ่มจาก link อ้างอิงด้านล่าง


อ้างอิง

[1] https://blog.twitter.com/en_us/topics/company/2020/disclosing-removed-networks-to-our-archive-of-state-linked-information.html

[2]https://help.twitter.com/en/rules-and-policies/platform-manipulation

[3]https://cyber.fsi.stanford.edu/news/twitter-takedown-october-2020

Social media ของคนไทย สำหรับคนที่ชอบข้อมูลข่าวสาร

Blockdit เป็น social media ของคนไทย ที่น่าสนใจ โดยคำว่า Blockdit มาจากคำว่า Block ที่มาจากคำว่า กล่อง คือมองเนื้อหาที่แสดงออกมาเป็นกล่อง ส่วนคำว่า Dit มาจาก Editor ก็คือผุ้เขียนหรือนักเขียน ด้วยแนวคิดที่ว่าเฟสบุคนั้นเป็นรูปแบบต่างประเทศมีการปิดกันการมองเห็น และมีฟีดโฆษณาเข้ามามากมายและมักจะมีไลฟ์ขายของมากมาย  ดังนั้นหาใครต้องการอ่านเนื้อหาที่เป็นข่าวสาระต่างๆ ลองมาดูกันครับ

การสม้ครใช้บัญชีเฟสบุค หรือ จะใช้ เบอร์โทรศัพท์สมัครก็ได้ การสมัครใช้งานไม่ต้องใ้ข้อมูลมากมาย ถ้าหากสมัครด้วย App บนมือถือก็จะมีข้อมูลตัวช่วยข้อสงสัยต่างๆให้อ่านทำความเข้าใจ

    เนื่องจาก Blockdit ไม่สามารถโพสแบบส่วนตัวได้ทุกคเมื่อสมัครแล้วต้องสร้างเพจ จึงจะโพสต์ได้ ดังนั้นเพจ ของ Blockdit ก็จะแบ่งเป็นหมวดหมู่ของเนื้อหาต่าง ๆ ที่มีให้เลือก ว่าเนื้อหาเราจะอยู่กลุ่มไหน ช่วงแรกๆนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ใครเข้าไปใหม่ๆก็สามารถใช้ชื่อให้จดจำง่าย

แรกๆคงต้องโพสต์เนื้อหาที่เป็นข้อความพร้อมรูปไปก่อน หากต้องการโพสต์วีดีโอต้องมีผู้ติดตาม 100 คนขึ้นไปจึงจะโพสต์วีดีโอได้

การสร้างรายได้ จากการเขียนบทความก็สามารถทำได้ แต่ ต้องมีผู้ติดตาม 1,000 คนขึ้นไป ปุ่มสร้างรายได้จะเปิดให้สามารถคลิกเข้าไปได้ และเนื้อหาต้องเป็นเนื้อหาที่สร้างเอง 90% โพสต์บทวามต้องไม่น้อยกว่า 200 ตัวอักษร มีรายงานว่าผู้ติดตามเราเป็นคนกลุ่มไหมเพสอะไรชอบอ่านอะไร การได้ ดาว เท่ากับ 100  โดยที่ดาววัดมาจากการมีส่วนร่วม รายได้จาก เพชร เป็นเนื้อหาที่คนอ่าน ชอบ และสนับสนุนเรา และส่งเพชรให้เราคล้าย ๆ ส่งของขวัญให้พวก ถ่ายทอดสด 1 เพชร เทากับ 0.3 บาท

โพสต์ตาง ๆสามารถ จ่ายเงินเพื่อให้มีการเข้าถึงง่ายขึ้นเช่นเดี่ยวกับ การโพสต์ที่สามารถทำเงินได้นั้นจะต้องมีผู้กดถูกใจในหนึ่งวันหลักร้อยขึ้นไปแลัวได้รับ ดาว เหมือนกับเนื้อหานั้นได้รับความนิยมภายในหนึ่งวันแต่อย่าลืมว่าต้องมีผู้ติดตามมากกว่า 1000 


ใครเป็นคนสร้าง Blockdit คำตอบคือกลุ่มคนไทยที่ใช้ชื่อว่าลงทุนแมน สร้าง social media เพื่อให้คนไทยมีแพทฟร์อมโซเชียวมีเดีย เอาใจคนเสพสาระความรู้ ให้เลือก ติดตามมากมาย ปัจจุบัน เปิดเผยว่ามีจำนวน 300,000 บัญชี 

blockdit ถือว่าเป็นโซเชียวมีเดียทางเลือกที่น่าสนใจ เปิดตัวมาหนึงปีแล้วใครสนใจก็ลงมือติดตั้งและสร้างเนื้อหากันเลยครับ

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2563

แนะนำ เครื่องมือวางแผนท่องเที่ยว และอาชีพ Travel Stylist

 ก่อนจะไปรู้จัก แอปพลิเคชั้นที่ให้คำแนะนำการท่องเที่ยว และอาชีพแนวใหม่ มาดูข้อมูลการท่องเที่ยวของคนไทยผ่าน การเปิดเผยข้อมูลของ booking.com เว็บไซต์จองที่พัก เช่ารถ และซื้อ ตั๋วเครื่องบินเปิดเผยข้อมูล ปัจจุบันคนไทยเดินทางท่องเที่ยวระยะทางใกล้ๆ หรือ เที่ยวใกล้บ้านมากขึ้น เป็นการเปิดเผยตัวเลข ช่วงเดือน มิถุนายน ถึง สิงหาคม  รูปแบบการเดินทางในช่วงฤดูฝนนี้ Booking.com พบว่าระยะทางโดยเฉลี่ยที่คนไทยออกเดินทางระหว่างช่วงมิถุนายนถึงสิงหาคมนั้นลดลง 46%[1] เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเมื่อย้อนกลับไปช่วงฤดูฝนปี 2562 นักเดินทางชาวไทยเดินทางโดยเฉลี่ย 1,774[1] กิโลเมตรต่อการจองที่พักหนึ่งครั้ง โดยในช่วงหน้าฝนที่ผ่านมานี้ระยะทางโดยเฉลี่ยลดลงเหลือเพียง 966 กิโลเมตรต่อหนึ่งการจอง ซึ่งเทียบเท่ากับระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปสงขลา



ความสุขวัดไม่ได้ด้วยจำนวนกิโลเมตร

เกือบทั้งหมดหรือ 96%[3] ของจำนวนระยะทางที่คนไทยเดินทางระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม 2563 เป็นการเดินทางภายในประเทศ ในขณะที่ปีที่แล้วมีการเดินทางในประเทศเพียง 32% เท่านั้น โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมตลอดกาลของคนไทยอย่างกรุงเทพฯ เชียงใหม่ หัวหิน และพัทยา ติดอันดับต้นๆ ของจุดหมายปลายทางที่คนไทยนิยมจอง โดยคนไทยส่วนใหญ่ไปเที่ยวเพื่อกลับมาสานสัมพันธ์กับเพื่อนหรือคนในครอบครัวอีกครั้ง ด้วยการร่วมรับประทานอาหาร ช้อปปิ้ง หรือเที่ยวชมเมืองยามค่ำคืน




กลับไปท่องเที่ยวกับสถานยอดฮิตอีกครั้ง – จากกรุงเทพฯเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ไปจนถึงนครพิงค์กลางขุนเขาอย่างเชียงใหม่


กรุงเทพฯ มีชื่อเสียงในฐานะเมืองที่ไม่เคยหลับใหลและเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่ คอยชักชวนให้นักเดินทางได้กลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้งโดยไม่รู้เบื่อ เพราะนอกจากจะมีสตรีทฟู้ดที่ดีที่สุดในโลกแล้ว ยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนสามารถเยี่ยมชมได้ทุกวัน หลายที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง อีกหนึ่งจุดหมายยอดนิยมในช่วงฤดูฝนปี 2563 คือเชียงใหม่ เมืองแห่งวัฒนธรรมและธรรมชาติตระการตา ที่เปิดโอกาสให้ผู้เดินทางสามารถสัมผัสกับเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมล้านนาที่ไม่เหมือนใคร

ในขณะที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวขวัญใจคนเมืองขนานแท้ นักท่องเที่ยวชาวไทยก็ยังเลือกไปเที่ยวทะเล แม้ว่าจะอยู่ระหว่างฤดูฝน โดยจุดหมายปลายทางที่คนไทยนิยมจอง(6) ยังคงเป็นหัวหิน และ พัทยา

เมื่อพูดถึงการเลือกที่พัก คนไทยมีแนวโน้มที่จะเลือกเข้าพักในวิลล่า ตามด้วยรีสอร์ต และที่พักสไตล์เต็นท์[7] ความนิยมของที่พักสไตล์เต็นท์ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการท่องเที่ยวไปจากรูปแบบเดิมที่เราเคยพบเจอมา โดยเมื่อมองย้อนกลับไปในปี 2562 ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก มีคนไทยเพียง 58% ที่เลือกพักในรีสอร์ต และเพียง 22% เลือกพักในที่พักแบบแคมป์หรือเต็นท์(8)


แนะนำเครื่องมือหาสถานที่เที่ยว

ข้อมูลสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวไทยหากใครไปต่างจังหวัดแต่ไม่รู้ว่าจังหวัดนั้นๆมีแหล่งท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจ แล้วจะ วางแผนท่องเที่ยวอย่างไร วันนี้คงไม่สายเกินไป ที่จะแนะนำแอปพลิเคชั่น Trip advisor   https://www.tripadvisor.com/ แอปพลิเคชั่นนี้ ผมชอบมาก เพราะจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่เราอยู่ในเวลานั้นเหมาะมาก หากใครกำลังเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด แต่ มีเวลาที่จะได้พักผ่อนไปด้วย บางครั้งการท่องเที่ยว เมืองรอง เราอาจจะนึกไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนดี แอปนี้จะแนะนำให้เลยว่ามีสถานที่ใดบ้างในระยะทางใกล้เคียง


ปิดท้ายด้วยแนะนำอาชีพนักออกแบบการเดินทาง Travel Stylist  

อาชีพนี้เป็นอาชีพใหม่ที่น่าสนใจเพราะเป็นการช่วยเหลือคนที่ต้องการเดินทางท่องเทียวแต่ไม่รู้ว่าจะไปช่วงไหนถึงจะได้เที่ยวตามที่ใจต้องการ เช่น อยากชมพระอาทิตยืขึ้นที่ภูชีฟ้า พร้อมกับทะเลหมอก หากไปช่วงนี้อาจจะเจอฝนและหมอกลงเต็มไปหมด ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า ดังนั้นต้องอาศัยการวางแผนการท่องเที่ยว จากผู้ที่มีประสบการณ์ ดังนั้น ถ้าอยากไปเที่ยวแล้ว มีการวางแผนที่ดีแนะนำให้ใช้บริการ นักออกแบบการท่องเที่ยว หรือ ใครอยาก ทำอาชีพนี้ก็ลองศึกษา วิธีการ และ ใช้เครื่องมือออนไลนืต่าง ๆ 


หมายเหตุ ถึงบรรณาธิการเกี่ยวกับข้อมูล

1.   ระยะทางเฉลี่ยคำนวณโดยใช้ระยะทางระหว่างตำแหน่งโดยประมาณของผู้จองตามรหัส IP และปลายทางเป็นเส้นตรง การเปลี่ยนแปลงปีต่อปีคำนวณโดยใช้ข้อมูลการจองของนักเดินทางชาวไทยระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม 2563 เทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2562

2.   ระยะทางระหว่างกรุงเทพฯ - สงขลาคำนวณได้ 966.4 กิโลเมตร

3.   ส่วนแบ่งของระยะทางทั้งหมดที่เดินทางโดยนักเดินทางชาวไทยตามระยะทางที่แน่นอน อ้างอิงจากผลรวมของระยะทางที่แน่นอนระหว่างเมืองต้นทางและจุดหมายปลายทางของการเดินทางทั้งหมด

4.   อ้างอิงจากจุดหมายปลายทางที่มีการจองสูงสุดระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม 2563 (ในประเทศและต่างประเทศ)

5.   ในการคำนวณจุดหมายปลายทางยอดนิยม 100 อันดับแรกของไทยที่มีการจองมากที่สุดได้รับการจัดเรียงตามความแตกต่างของปีในการจองระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม 2563 และเดือนเดียวกันในปี 2562 ได้โปรดทราบหากว่าข้อมูลด้านการเดินทางโดยรวมตกต่ำไม่สามารถระบุอย่างแน่นอนได้ว่าจุดหมายปลายทางที่กำลังมาแรงมียอดจองเพิ่มขึ้น

6.   จุดหมายปลายทางในประเทศที่มีการจองสูงสุด 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม 2563 สำหรับนักเดินทางชาวไทย

7.   ประเภทที่พักยอดนิยมที่จองโดยผู้เดินทางชาวไทยบน Booking.com ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายนถึง 31 สิงหาคม 2563 และเดือนเดียวกันในปี 2562 อ้างอิงจากการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ

8.   การสำรวจนี้ดำเนินการโดย Booking.com โดยได้สอบถามกลุ่มตัวอย่าง 50,688 คนในจุดหมายปลายทาง 29 แห่งรวมถึง 1,955 คนจากประเทศไทย การเข้าร่วมการสำรวจนี้ผู้ตอบแบบสอบถามต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และต้องเดินทางอย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาและเป็นผู้ตัดสินใจหลักหรือมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเดินทาง แบบสำรวจนี้จัดทำขึ้นทางออนไลน์ในเดือนพฤศจิกายน 2562