วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564

อิเล็กทรอนิกส์ covid-19 วัคซีนพาสปอร์ตไทยพร้อมหรือยัง

 รัฐบาลไทยได้ประกาศว่าจะนำหนังสือเดินทางวัคซีนมาใช้กับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน covid-19 และต้องการเดินทางไปประเทศอื่น และเมื่อวันที่ 19  เมษายน กรมควบคุมโรคได้ประกาศในเว็บราชกิจจานุเบกษา เรื่องแบบหนังสือรับรองการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค 


สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในการจองฉีดวัคซีนผ่าน LineOA หมอพร้อมแล้วหลังจากได้รับการฉีดแล้วก็จะมีเอกสารรับรอง ก่อนอื่นเราต้อง ไปที่ Line App และทำการเพิ่มเพื่อน และค้น LineID

@475ptmfj หรือใครอ่านบทความนี้ก็ให้แตะลิงค์ line://ti/p/@475ptmfj เพื่อที่จะลงทะเบียนฉีดวัคซีน โดยในตอนนี้จะสามารถตรวจสอบได้ว่าหากต้องไปทำการฉีดวัคซีน ก็จะต้องไปโรงพยาบาลที่มีสิทธิ์






แอปพลิเคชั่น Covid-19 vaccine Passport

สำหรับการใช้วัคซีนพาสปอร์ตแทนการกักตัว (Quarantine) 14 วัน นั่นทั่วโลกเข้าเตรียมความพร้อมกันอย่างไร ตอนนี้มีหลายแอพพลิเคชั่นแล้ว เพื่อใช้ในการเดินทางที่สะดวก สายการบินได้ทำการทดสอบ แอปเช่น commomPass, ICC AOKpass, VeriFLY เพื่อให้แน่ใจว่าการเดินทางสามารถแสดงหลักฐานการรับวัคซีนครบแล้ว



โดยหลักการแล้วแอปพลิเคชั่นจะทำงานดังนี้ เมื่อเราได้รับวัคซีนที่สถานพยาบาลแอปจะทำการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของโรงพยาบาล จากนั้นก็จะนำเอาข้อมูลการฉีดวัคซีนมาสร้าง OQ-Code เพื่อใช้ในการยืนยันว่าได้ทำการฉีดวัคซีนแล้ว และนำ บาร์โค้ดนี้ไปแสดงที่เคาน์เตอร์เช็คอินที่สนามบินหรือด่านตรวจคนเข้าเมือง

ปัจจุบันแอป หนังสือเดินทาง covid-19 vaccine passport มีให้ติดตั้งใช้งานเยอะขึ้น หลายสายการบินหน่วยงานของรัฐบาลและสายการเดินเรือต่างๆยังคงทดสอบแอปและพิจารณาว่าแอปไหนน่าเชื่อถือและใช้งานง่าย และอาจจะเกิดความวุ่นวาย เพราะต่างฝ่ายต่างให้ผู้เดินทางดาว์นโหลด แอปที่แตกต่างกัน ก็จะทำให้ผู้ที่จะเดินทางต้องสอบถามว่าสายการบินนี้ให้แแอปอะไร และ ตรวจคนเข้าเมืองของประเทศที่จะไปให้แอปอะไร

ความถูกต้องตามกฏหมายข้อมูลส่วนบุคคล

เรื่องนี้ก็สำคัญว่าการใช้ vaccine passport แบบอิเล็กทรอนิกส์ จะมีปัญหาทางกฏหมายหรือไม่ผู้ใช้งานจะต้องสมัครใจ แม้แต่รัฐบาลกลางของสหรัฐเองตอนนี้ก็ยังไม่มีการผลักดันให้มีการรับรองการฉีดวัคซีนด้วยดิจิทัล

ดังนั้นในตอนนี้หากใครต้องการจะใช้งานก็อย่าเพิ่งอัพโหลดข้อมูลของเราให้กับแอปใด ๆ และในอนาคตอาจจะต้องตรวจสอบกับสารการบินและตรวจปลายทางว่าจะพิสูจน์หลักฐานด้วยวิธีไหน

สหภาพยุโรปเปิดโอกาศให้นักท่องเที่ยวชาวสหรัฐที่ได้รับวัคซีนเข้าได้

สมาชิก EU 27 ประเทศ ยอมรับที่จะให้ชาวอเมริกันทุกคน ที่ได้รับวัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก EMA(European Medicines Agency) เช่น Moderna, Pfizer/BioNTech และ Johnson & Johnson
สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ ดังนั้นเอกสารการเดินทางจะต้องมีการระบุว่าเป็นวัคซีนจากที่ไหน

สหภาพยุโรปคาดว่าจะออกใบรับรองที่เรียกว่า Digital Green Pass โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เดินทางติดตัวไว้รับรองว่าได้รับวัคซีนแล้ว

ใบรับรองที่จะมาแทนกระดาษ

ใบรับรองการฉีดวัคซีนกระดาษยังคงถูกใช้ในตอนนี้ แต่ว่าหลายประเทศกำลังมีความพยายามเริมทำแอปใบรับรองเพื่อใช้ในประเทศ เช่นจะซื้อบัตรคอนเสิรต์ ร้านอาหาร




ที่เดนมาร์กร้านอาหารเปิดบริการให้ซื้อกลับบ้านตั้งแต่เดือนธันวาที่ผ่านมาเฉพาะผู้ที่ติดตั้ง corona passport จะสามารถนั่งในร้านได้ และแอปนี้ยังให้สิทธิพิเศษสำหรับการเข้าชมกีฬา และแอปนี้มีวัถุประสงค์ให้ประเทศอืนรู้ว่านักเดินทางจากเดนมาร์กจะมีแอปพลิเคชั่นนี้

อิสราเอล เรียกชื่อแอปนี้ว่า The Green Pass บัตรนี้จะช่วยให้ใช้ในการเข้ารับบริการต่าง ๆ ได้เช่น ว่ายน้ำ โรงยิม โรงละคร งานเลี้ยง และกิจกรรมอื่น ๆ ผู้ที่มีบัตรนี้จะไม่ต้องถูกกักตัว 14 วัน
เอสโตเนียเรียกแอปนี้ว่า VaccineGuard แอปนี้จะถูกใช้งานปลายเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไปการเดินทางไปและกลับจากประเทศฟิลแลนด์ด้วยเรือเฟอร์รี่จะได้รับประโยชน์ เมื่อพูดถึงชาวเอสโตเนีย พวกเขาก็ชอบทางตอนใต้ของประเทศไทยด้วยนะครับ แล้วเราพร้อมรับรักท่องเที่ยวกันหรือยัง

ณ วันที่เขียนบทความนี้ประเทศไทยยังไม่มีใครพูดถึง แอปหนังสือเดินทางสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนเราควรจะเริ่มได้แล้วและเป็นแอปที่รัฐบาลเป็นผู้จัดทำ และ ระบบไม่ร่มเมื่อต้องการจะให้ตรวจสอบ กระทรวง DE พร้อมหรือไม่ หรือ กรมควบคุมโรคจะ ให้ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ทำก็ได้ เพราะมีความพร้อมเรื่องบุคลากรและเทคโนโลยี

อ้างอิง https://www.nytimes.com/2021/04/26/travel/vaccine-passport-cards-apps.html

วันอังคารที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2564

GULF ซื้อหุ้น INTUCH ประโยชน์ จาก 5G

จากการที่เป็นข่าวไปเมื่อวันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่ผ่านมาว่าบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ นั้นได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น บริษัทอินทัช 15% ตามมติบอร์ด วันนี้เลยมาวิเคราะห์กันหน่อยครับว่า การเข้าถือหุ้นในครั้งนี้ ได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง แล้วจะนำ 5G มาใช้อย่างไรกับธุรกิจของ GULF

GULF เป็นบริษัทที่ลงทุนด้านธุรกิจพลังงาน ลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานจนกระทั่งกลายเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศ โดยมีสัญญาขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต25ปี  ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GULF ก็คือ คุณสารัชถ์  รัตนาวะดี มีสัดส่วนการถือหุ้น บมจ.กัลฟ์เอ็นเนอร์จีดีเวลลอปเมนท์ อยู่ที่ 35.5 เปอร์เซ็นต์ ก่อนหน้านี้  GULF ก็ได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานให้นำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) โดยหลักแล้ว ธุรกิจ GULF มีโครงสร้างแบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจก็คือ1)ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ 2)ธุรกิจโรงงานไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เช่นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ติดตั้งบนหลังคา และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และ 3)ธุรกิจอื่นๆก็ เช่น บริษัทจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติทางท่อ ธุรกิจให้บริการบริหารจัดการโครงการไฟฟ้า 

พูดถึงคุณสารัชถ์ รัตนาวดี เป็นนักธุรกิจสายเลือดทหาร เป็นบุตรของ พลเอก ถาวร รัตนาวดี กับคุณแม่ ประทุม รัตนาวดี  ซึ่งเป็นน้องสาวของคุณวารินทร์ พูนศิริวงศ์ เจ้าของหนังสือพิมพ์แนวหน้า ส่วน ภรรยา ของคุณสารัชถ์ เป็นลูกสาวของ คุณรักษ์ ตันติสุนทร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในยุครัฐบาลคุณชวนหลีกภัยเมื่อปี 53 และเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก 2 สมัย ปัจจุบัน คุณสารัชถ์ รัตนาวดี คือ แชมป์เศรษฐีหุ้น อันดับ 1 ของไทย


กลับมาดูเรื่องของการเข้าซื้อหุ้น INTUCH โดยการซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์ซึ่งการสะสมหุ้นนั้นก็ทยอยสะสมมา ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งรายงานจากตลาดหลักทรัพย์ปีที่แล้วพบว่าถือหุ้นอยู่ที่ 15 เปอร์เซ็นต์และเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2554 ทางบริษัทเอ็นเนอร์จีดีเวลลอปเมนท์ก็ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าเขาเข้าลงทุนหุ้นครบทั้งหมด 15% ตามมติ โดยการรับซื้อผ่านตลาดหลักทรัพย์ 

                   

หากในอนาคต GLUF ถือหุ้นมากกว่า 50% จะทำให้บริษัทมีอำนาจในการที่จะ เข้ามาควบคุมกิจการได้ รวมถึงอาจมีการทำคำสั่งเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ Advance แต่มีการยื่นคำร้องว่าจะไม่ขอ เข้าถือหุ้นในบริษัทไทยคม จากการรายงานข่าวปัจจุบัน INTUCH เป็นผู้ถือหุ้นใน Advance 40.45 เปอร์เซ็นต์และไทยคม 41.13 เปอร์เซ็นต์

เรามาดูกันครับว่าใครได้ประโยชน์

ในระยะสั้นนั้น ทาง ทางผู้บริหารระดับสูงของ GLUF ก็ได้เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้เพื่อช่วยต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานจากธุรกิจเดิมด้านพลังงานไปสู่ธุรกิจใหม่ ด้วยดิจิตอลในอนาคต และเป็นการลงทุนเพื่อรับปันผล

แต่เราก็ทราบกันดีครับว่าในยุคปัจจุบัน ดิจิทัล เข้าไป มีบทบาทในธุรกิจหลายๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของ Internet of things (Iot) ที่ต้องการโครงข่าย 5G  

หากการที่ GLUF สามารถซื้อหุ้นของ INTUCH สำเร็จ จะนำมาสู่การเปลี่ยนมือ ผู้เข้ามาบริหารบริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยจากสิงคโปร์ Communication หรือสิงเทลซึ่งก็น่าจะส่งผลดีกับ ADVANC เพราะจะได้มีผู้บริหารเป็นคนไทย แล้วบริษัทก็จะกลับมาเป็นบริษัทคนไทย อย่างเดิม

การที่เข้ามาถือหุ้นในบริษัทโทรคมนาคมส่งผลดีต่อนักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่กับ GLUF เพราะการขายพลังงานให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตนั้นถึงจะมีสัญญา ระยะยาว 25 ปีก็จริงแต่รายได้นั้น จะเติบโตอย่างช้าๆ และถ้าหากมีธุรกิจโทรคมนาคมเข้ามา ด้วยนั้นก็จะทำให้ผลตอบแทน เพิ่มสูงขึ้นด้วย

การใช้ประโยชน์ จาก 5G เพื่อเสริมธุรกิจ

GLUF ได้เข้าร่วมกลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ราชกรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลโครงการติดตั้งและบริหารระบบเก็บเงินมอเตอร์เวย์บางปะอินโคราชและบางใหญ่กาญจนบุรี ซึ่งโครงการนี้ก็ต้องใช้โครงข่ายโทรคมนาคมอีกเช่นเดียวกัน

และให้มองลึกไปกว่านั้นที่จะมาเสริมเขี้ยวเล็บให้กับการผลิตไฟฟ้านั่นก็คือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ(5G smart power grid )ซึ่งก็ต้องใช้โครงข่ายเทคโนโลยี 5G เช่นกัน โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะหรือที่เราเรียกว่าสมาร์ทกริดเป็นโครงข่ายไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และ Big Data มาบริหารจัดการ โดยที่จะนำโรงไฟฟ้าทั้งหมดมาประเมินว่าจะเพิ่มหรือลดกำลังการผลิตยังไงให้เหมาะสมต่อความต้องการ การใช้ไฟฟ้า แน่นอนก็ต้องอยู่กับเครือข่าย 5G 

ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าด้วยโซล่าเซลล์และขายคืนกลับไปยังการไฟฟ้านั้นได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะ บ้านของประชาชนทั่วไปที่ต้องการจะ ประหยัดค่าไฟในแต่ละเดือนก็มีการติดตั้งโซล่าเซลล์ และผู้ใช้งานสามารถ ติดตามการผลิตและการใช้ไฟของบ้านตัวเองผ่านโครงข่ายโทรคมนาคมและหากว่าเป็น 5G ก็จะทำให้ ข้อมูลที่ส่งผ่านนั้นมีความรวดเร็วและมีเสถียรภาพ และถ้าสามารถทำงานร่วมกับระบบ โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะจะเกิดประโยชน์กับบ้านที่ผลิตไฟฟ้าอีกด้วย

ดังนั้น ADVANC จะได้นำ 5G มาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่และมีโซลูชั่น รองรับหลายอย่างดังที่ได้กล่าวมา

ข้อมูลอ้างอิง

ข้อมูล INTUCH จาก ตลท https://www.set.or.th/set/companyholder.do?symbol=INTUCH&ssoPageId=6&language=th&country=TH

ข้อมูล GLUF จาก ตลท https://www.set.or.th/set/companyholder.do?symbol=GULF&ssoPageId=6&language=th&country=TH

ข้อมูลเกี่ยวกับคุณ คุณสารัชถ์ รัตนาวดี https://www.prachachat.net/prachachat-hilight/news-650899

ข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/921026


วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2564

Alibaba ผูกขาดทางการค้า จนกระทั่งถูกรัฐบาลจีนปรับ

 Alibaba เคยเป็นลูกรักของรัฐบาลจีน ประคับประคองจนกระทั้งขึ้นมาเป็น บริษัทที่มีขนาดใหญ่ ที่บอกว่ารัฐบาลช่วยเหลือกันมาไม่ผิดหรอกครับ เพราะสมัยแรกๆ รัฐบาลส่งเสริมการขายด้วยค่าส่งสินค้าฟรี เลยทำให้มีผู้ค้าไปเปิดบัญชีขายสินค้า นอกจากจะมีขายปลีกยังมีขายส่งจากโรงงานอีกด้วยที่ได้รับความนิยม

ประเทศไทยเกี่ยวข้องกับ Alibaba ก็ตรงที่เข้ามาซื้อกิจการ LAZADA ก็ถือว่าส้มหล่น Lazada เพราะก่อนหน้านั้นก็ขาดทุนต่อเนื่อง เพราะน่าจะมาก่อนเวลาที่คนไทยจะลุกขึ้นมาซื้อสินค้าในรูปแบบออนไลน์

กลับไปที่จีน รัฐบาลของเขาไม่ยอมให้ บริษัท เทคโนโลยี จากอเมริกาเข้าไปทำมาหากินได้เลย เช่น Amazon Facebook Microsoft Google ถือได้ว่า Alibaba เองนั้นก็ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ

การที่อาลีบาบาถูกปรับในครั้งนี้ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวของหน่วยงานกำกับดูแลการตลาดของจีน ในการรณรงค์เพื่อที่จะควบคุมและดูแลบริษัทอินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด บทลงโทษที่บังคับใช้กับอาลีบาบา ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชนที่มีมูลค่า มากลำดับต้นๆของจีน และเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรธุรกิจของแจ็คหม่า ( Jack Ma ) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงและมีความเคลื่อนไหวนอกประเทศจีน การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของรัฐบาลจีนก็ถือเป็นการรณรงค์ให้คุมเข้มและกำกับดูแลบริษัทบิ๊กเทคโนโลยีทั้งหลาย ในจีนด้วย พูดง่ายๆเชือดไก่ให้ลิงดู

หน่วยงานกำกับดูแลการตลาดของจีน เริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมาด้วยการเข้าตรวจสอบว่ามีการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของประเทศหรือไม่ โดยการที่ ป้องกันไม่ให้พ่อค้านำสินค้าไปขายกับแพลตฟอร์มอื่น ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการพิสูจน์ว่า อาลีบาบานั้นทำผิดในเงื่อนไขอันนี้จริง

รัฐบาลจีน กล่าวว่าสิ่งที่ สิ่งที่อาลีบาบา ทำเป็นการขัดขวางการแข่งขันในการค้าปลีกออนไลน์ส่งผลกระทบในทางเศรษฐกิจ จากช่องทางอินเทอร์เน็ตและส่งผลร้าย ต่อผลประโยชน์ของผู้บริโภค

ค่าปรับ ที่ Alibaba เสียในครั้งนี้ คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายในประเทศของ Alibaba ที่บริษัทรายงานผลกำไรในปี 2562 ที่มากกว่า 12 พันล้านดอลลาร์ หรือเป็นยอดขายในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2563 แค่นั้นเอง

แต่เหตุการณ์ครั้งนี้อาลีบาบาก็แถลงการยอมรับ การปรับด้วยความจริงใจและจะเสริมสร้างระบบภายในเพื่อตอบสนองความรับผิดชอบต่อสังคมให้ดีขึ้น

จีนเริ่มสอบสวนข้อเท็จจริงเมื่อปีที่แล้ว กับเหตุการณ์ในครั้งนี้ คณะกรรมการควบคุม ตลาดของจีนได้เสนอให้ปรับปรุงกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ด้วยบทบัญญัติใหม่สำหรับแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ ดังนั้นในเดือนพฤศจิกายนเจ้าหน้าที่จึงได้หยุด แผน ของแอลกรุ๊ปในการเข้าตลาดของ Alibaba ant Group คือบริษัทที่มุ่งเน้นในเรื่องของการเงิน

กลับมาดูในประเทศไทย ดูเหมือนว่าการควบรวมกิจการของตลาดค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ยักษ์ใหญ่ สอง แห่งนั้น ได้ทำการควบรวมไปแล้ว คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าของไทย ถึงได้เริ่มมีการเข้ามาควบคุมเนื่องจากกระแส สังคมกล่าวว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจจะทำให้เกิดการผูกขาดในตลาด

เมื่อตามกลับไปเช็คข่าวก็พบว่าเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2556 4 เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ก็ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค) ได้กำหนดเงื่อนไขประกอบการอนุญาตรวมธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ ได้กำกับดูแลให้บริษัท ในตลาดค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่กำหนดหลังจากควบรวมกิจการอย่างเคร่งครัดและได้กำหนดแนวทางการตรวจสอบและติดตามผลการปฏิบัติตามเงื่อนไขเพื่อกำกับดูแลให้มีการแข่งขันทางการค้าในตลาดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างเสรีและเป็นธรรม โดยให้รายงานผลประกอบการธุรกิจตามเงื่อนไขที่กำหนดในวันที่ 1 เมษายน 2564 และรายงานผลเป็นประจำทุก 3 เดือนเพื่อให้กขสามารถติดตามและตรวจสอบการประกอบธุรกิจได้อย่างเข้มงวด

(ข้อความต่อไปนี้ดัดแปลงเอาชื่อบริษัทออกไป อ้างอิงมาจาก มติชน https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2620573)

1. ให้มีหนังสือ รับรองว่าจะไม่ร่วมธุรกิจกับผู้ประกอบการธุรกิจรายอื่นในตลาดค้าปลีกค้าส่งเป็นระยะเวลา 3 ปี และในกรณีที่มีการซื้อหุ้นหรือซื้อทรัพย์สินของผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกค้าส่งรายอื่นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์หรือผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกค้าส่งทั่วไปแต่การซื้อหุ้นคือทรัพย์สินไม่เข้าหลักเกณฑ์การรวมธุรกิจจะต้องรายงานให้ กขค. ทราบภายใน 15 วัน

2. ให้แจ้งแผนการเพิ่มสัดส่วนของยอดขายสินค้าที่มาจากผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ได้แก่กลุ่มสินค้าเกษตรสินค้าเกษตรชุมชนสินค้าชุมชนสินค้าวิสาหกิจชุมชนหรือผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและกลุ่มสินค้าอื่นๆโดยให้เพิ่มยอดขายจากปี 2563 ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปีและให้รายงานผลการดำเนินการภายในไตรมาสแรกของทุกปี

3. ให้กลุ่มบริษัทต่างๆ มีหนังสือรอรับรองว่าจะไม่ใช้ข้อมูลร่วมกันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการตลาดที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบโดยให้ถือว่าเป็นความลับทางการค้า

4. ให้บริษัทผู้ขายกิจการ ดำเนินการโครงไว้ตามเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลงกับผู้จัดจำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบรายเดิมที่ได้มีการทำสัญญาหรือข้อตกลงไว้แล้วก่อนการรวมธุรกิจเป็นระยะเวลา 2 ปีเว้นแต่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นคุณหรือประโยชน์ต่อผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบและจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบนั้นๆและรายงานผลการดำเนินการทุก 3 เดือน

5. ให้ทั้ง 2 บริษัทที่ทำการควบรวมกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อทางการค้า แก่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมโดยกลุ่มสินค้าเกษตรสินค้าชุมชนสินค้า OTOP ไม่เกิน 30 วันและกลุ่มสินค้าอื่นๆไม่เกิน 45 วันเป็นระยะเวลา 3 ปีกรณีข้อกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อเดิมน้อยกว่าให้ใช้ข้อกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อเดิมโดยให้รายงานผลการให้สินเชื่อทางการค้าของ SME ทุกรายในวันที่ 1 เมษายน 2564 และให้รายงานผลการดำเนินการเป็นประจำทุก 3 เดือน

6. ให้ทั้ง 2 บริษัทที่ควบรวมกิจการรายงานผลการประกอบธุรกิจใด้แก่ข้อมูลสาขาและการขยายสาขาหรือยกเลิกสาขาทุกจังหวัด ทั่วประเทศในวันที่ 1 เมษายน 2564 และรายงานผลการขยายสาขาหรือยกเลิกสาขารวมทั้งรายงานยอดขายสินค้าจำแนกตามหมวดสินค้าเป็นประจำทุก 6 เดือน

7. ให้กลุ่มบริษัทต่างๆ กำหนดมาตรฐานในการปฏิบัติทางการค้าที่ดีและเผยแพร่ต่อสาธารณชนในวันที่ 1 เมษายน 2564 และให้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าวรวมทั้งต้องปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเรื่องแนวทางการพิจารณาทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งค้าปลีกกับผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย 2562

ความเห็นส่วนตัว ตั้งข้อสังเกตว่าการที่ (กขค) ออกมาเคลื่อนไหวหลังจากที่การควบรวมกิจการนั้นเกิดขึ้นไปแล้ว จะสามารถกำกับดูแลได้ ขนาดไหน เจ็ดข้อที่ออกมา มียะเวลาเงื่อนไข น้อยไป เช่นจะไม่มีการควบรวมกันอีกเป็นเวลา 3 ปี แต่ก็ยังสามารถทยอยซื้อหุ้นได้ เป็นต้น

ปัจจุบันการขายสินค้าออนไลน์ในประเทศไทยยังไม่พบเงื่อนไข การผูกขาด แต่ในโลกของการขายสิ่งพิมพ์แบบนิตยสาร มีการห้ามจัดจำหน่ายกับบริษัทกระจายสินค้ารายอื่นถ้าทำสัญญากับรายใดรายหนึ่ง สาเหตุน่าจะเกิดจากการเก็บคืนหนังสือหลังจากหมดเวลา หากเล่มเดียวกันมีผู้จัดจำหลายแห่งร้านค้าก็จะส่งคืนไม่ถูก เช่นเดียวกัน เมื่อสิบกว่าปีก่อน การฝากขาย e-book ของผู้ให้บริการบางรายก็มีการผูกขาด ว่าขายกับแอปนี้แล้ว ห้ามไปขายกับแอปอื่น แต่ปัจจุบันเรื่องดังกล่าวได้หมดไปแล้ว

อ้างอิง
https://otcc.or.th/trade-competition-act-b-e-2560/

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2564

หลักเกณฑ์การโฆษณาอาหาร โลกออนไลน์ตื่นตัวหน่อยนะ

จากการที่มีคดี ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และตอนนี้กัญชาก็กำลังเป็นที่นิยม จึงทำให้ คณะกรรมการอาหารและยา ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์การโฆษณาอาหาร พ. ศ. 2564 เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 เพื่อให้มีความชัดเจนและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ของพระราชบัญญัติอาหารปี 2522 ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณของอาหาร อันเป็นเท็จหรือเป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อ

ปัจจุบันเราจะพบว่า การโฆษณาในสถานีโทรทัศน์นั้นมี ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์ทางยา รวมถึงพระเครื่อง เข้ามาโฆษณาในฟรีทีวีและทีวีดิจิทัลมากขึ้น ก็เนื่องจากว่าปัจจุบันเม็ดเงินโฆษณาไปอยู่บนออนไลน์ จึงทำให้ ค่าโฆษณา ทางช่องทางทีวีนั้นถูกลง จากสมัยก่อนนาทีละ 300,000 - 500,000 บาท แต่ปัจจุบันบางเวลาเหลือนาทีละ 50,000 จึงทำให้เราเห็นทีวีดิจิทัล ไม่ต่างกับทีวีดาวเทียม

ถ้าจะตีความกฎหมายฉบับนี้แล้วว่าเกี่ยวข้องกับการโฆษณาผ่านทางอินเทอร์เน็ตหรือไม่ผมก็ขอตีความตามความเข้าใจดังนี้นะครับ ผู้ใดประสงค์จะโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณของอาหารทางวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ทางฉายภาพภาพยนตร์ หรือทางหนังสือพิมพ์ หรือสิ่งพิมพ์อื่น หรือด้วยวิธีการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในทางการค้า

มาสะดุดตรงตอนท้ายของข้อความก็คือ "หรือด้วยวิธีการอื่นใดเพื่อประโยชน์ในทางการค้า" ซึ่งตรงนี้มองว่าเกี่ยวข้องกับการโฆษณาทางช่องทางอินเทอร์เน็ตโดยตรง การโฆษณาผ่านทางอินเทอร์เน็ตนั้นได้ทั้งภาพและเสียง หรือจะเป็นภาพอย่างเดียว หรือเสียงอย่างเดียวก็ตรงกับความหมายของสื่อโฆษณาที่ทาง อย. กำหนด

ต่อไปนี้โฆษณาต่างๆ นั้นจะต้องผ่านการตรวจได้รับอนุญาต ในการโฆษณา ก่อนที่จะถูกนำไปใช้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ต้องทำแบบนั้นเช่นเดียวกันเพียงแต่ว่า ในประกาศฉบับปัจจุบันนี้ อ่านแล้วมาสะดุดตรงบัญชีแนบท้ายหมายเลข 1 ซึ่งจะมีคำไม่อนุญาตในการโฆษณาคุณภาพ คุณประโยชน์ หรือสรรพคุณทางอาหาร เช่น คำว่า


ศักดิ์สิทธิ์ มหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ วิเศษ เลิศที่สุด ดีเลิศ ชนะเลิศ ชั้นเลิศ เลิศ ล้ำเลิศ เลิศล้ำ ยอด ยอดเยี่ยม ยอดไปเลย เยี่ยมยอด เยี่ยมไปเลย สุดยอด ที่หนึ่ง หนึ่งเดียว ที่หนึ่งเลย ที่สุด  ดีที่สุด ดีเด็ด สูงสุด เด็ดขาด หายห่วง หายขาด หมดกังวล  สุดเหวี่ยง ไม่มีผลข้างเคียง ไร้ผลข้างเคียง อย. รับรอง ปลอดภัย  เห็นผลเร็ว

ผมอานมาถึงตรงคำที่ไม่อนุญาต ในประโยคแรก ศักดิ์สิทธิ์ มหัศจรรย์ ปาฏิหาริย์ วิเศษ อันนี้น่าจะเป็นเรื่องของพระเครื่องหรือเปล่าครับ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับคุณภาพ คุณประโยชน์ในการโฆษณาของอาหารแน่ๆ แต่ประกาศฉบับนี้ เป็นเรื่องของอาหารและยาก็คงเป็นเรื่องของอาหารและยาล่ะครับ

ข้อความที่สื่อแสดงสรรพคุณอันทำให้เข้าใจว่าสามารถบำบัดบรรเทารักษาป้องกันโรคหรืออาการของโรคหรือความเจ็บป่วย เช่น

ลดคอเลสเตอรอล  ลดความดันโลหิต  ลดไขมันในเส้นเลือด  ลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง  เนื้องอก โรคเบาหวาน  หลอดเลือดแข็งตัว ภูมิแพ้  หอบหืด บรรเทาอาการปวดหัว  ไมเกรน อาการขาบวม และ เส้นเลือดขอด

จริงๆ แล้วยังมีข้อห้ามอีกเยอะมากให้เพื่อนๆ ลองอ่านประกาศดูก่อน โดยเฉพาะข้อ 2.2 2.3 ในมุมมองผม เป็นเรื่องเกี่ยวสมรรถภาพทางเพศและสรีระที่ต้องประสงค์ ผลกระทบจากประกาศครั้งนี้ ทำให้ผู้ที่จะต้องโฆษณา และมีตัวแทนขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต จะต้องพบกับความท้าทายมากขึ้น เนื่องจากว่าส่วนใหญ่แล้วข้อความรูปภาพและเสียงที่อยู่ในทางอินเทอร์เน็ต อาจจะไม่เคยได้ขออนุญาตมาก่อน หรือถ้าหากมีการขออนุญาต ทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ คงจะต้องควบคุมตัวแทนจำหน่ายในการที่โฆษณามากขึ้น

ผลกระทบกับผู้ค้าขายออนไลน์

หากจะต้องมีการควบคุมการโฆษณา จะเป็นเรื่องท้าทายมากสำหรับการควบคุมตัวแทนจำหน่าย หรือผู้ค้ารายย่อยที่ขายกันอยู่ในอินเทอร์เน็ต จะต้องระมัดระวังในการใช้ข้อความต่างๆ เหล่านี้ด้วย หลังจากที่เรื่องนี้ ถูกประกาศออกมาใช้งานก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ที่ขายของออนไลน์ ผู้ที่ต้องไลฟ์ขายสินค้าเหล่านี้ ต้องมีการระมัดระวังในคำพูดมากขึ้น ผู้ผลิตรายใหม่ที่เพิ่งจะออกสินค้ามา จะต้องทบทวนข้อความ คำโฆษณา

บริษัทผู้ผลิตจะมีการห้ามไม่ให้ ตัวแทนจำหน่าย โพสต์ขายสินค้าโดยใช้ข้อความของตัวเองหรือจะต้องเข้ามากำกับให้เป็นรายบุคคลไป เพื่อป้องกันผลกระทบกับเรื่องนี้

ประกาศฉบับนี้ ผู้ที่ทำสื่อโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตอย่างเช่น เว็บไซต์ จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเนื้อหาบทความที่อยู่ในเว็บไซต์ ก็จะส่งผลกระทบกับเรื่องคำสืบค้นที่เปลี่ยนไป คำสืบค้นต่างๆ ที่นำมาสร้างประโยค ข้อความ ในการเขียนขายเชิญชวน และโดยมากผู้ใช้งานทั่วไปก็จะใช้วิธี สืบค้นด้วย คุณประโยชน์ สืบค้นด้วยสรรพคุณ การรักษา เรื่องนี้ก็จะส่งผลกระทบกับนักการตลาดว่าจะแก้เกมส์นี้อย่างไร

ข้อความที่อยู่ตามเว็บไซต์รวมถึง ข้อมูลส่วนหัวของเอกสารเว็บ ที่ใส่ไว้เพื่อการสืบค้นของแต่ละเว็บนั้น ก็จะมีผลกระทบกับเว็บไซต์ หากข้อความเหล่านั้นเป็นข้อความต้องห้าม ก็ต้องมานั่งศึกษาหาข้อมูลกันใหม่ว่า ผู้ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาสืบค้นคำว่าอะไร

หลังจากที่ประกาศนี้บังคับใช้มา เกือบ 1 อาทิตย์ ก็ยังพบว่า ยังไม่มีการตื่นตัวกันในโลกอินเทอร์เน็ต ยังพบรูปภาพ Before After ให้เห็น มีคำว่า โยโย่ ซึ่งเป็นข้อความที่ไม่ให้ใช้ ยังมีการโฆษณาสรรพคุณรักษาหาย ให้เห็นอยู่อีกมาก เชื่อว่าอีกไม่ช้าเราคงได้เห็นคดีเหล่านี้เกิดขึ้นให้เห็นแน่ๆ ครับ

อ้างอิง