วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

DNS Flag Day ใครที่ต้องระวัง

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไปเว็บไซต์บางเว็บจะใช้งานไม่ได้ อันเนืองมาจากการประกาศให้เป็นวัน DNS Flagday ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ต้องท้าวความก่อนครับว่าการที่เราใช้งาน Internet ได้นั้นนอกจากจะต้องมีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกันแล้วจะต้องมีที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเขาก็ใช้วิธีระบุด้วยหมายเลขซึ่งเราเรียกกันว่า IP Address แต่การที่มนุษย์จะสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ มนุษย์เองต้องจำหมายเลขนั้นให้ได้ แต่มันเป็นเรื่องยากที่เราจะต้องจำหมายเลขเหล่านั้น เขาจึงมีระบบที่เรียกว่า DNS หรือ Domain Name System โดยระบบนี้จะแปลชื่อโดเมนมาเป็นเลข ip address เปรียบเสมือนการบันทึกเบอร์โทรศัพท์ด้วยชื่อและเราก็ค้นเบอร์ของคนเหล่านั้นด้วยชื่อแล้วก็ไม่จำเป็นต้องจำหมายเลข

ในอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน DNS จะคอยทำหน้าที่นี้คอยเปลี่ยน ชื่อให้กลายเป็นหมายเลขโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องจดจำชื่อ ยกตัวอย่างเช่น www.opensource2day.com ก็จะมีชือ Domain ว่า opensource2day.com ส่วน www จะเป็นโดเมนย่อยหรือ subdomain ที่ทำหน้าทีระบุที่อยู่ของเว็บ ถ้าหากเป็นอีเมล์ ก็จะใช้ subdomain ว่า mail.opensource2day.com คนที่ดูแล subdomain ก็คือเจ้าของโดเมนหลักนั่นเอง

DNS ก็จะมีผู้เรียนรู้กันทั้งหมดตามโครงสร้าง เริ่มตั้งแต่ ระดับประเทศ และไล่ลงไปถึงเจ้าของโดเมน เช่น bangkok.go.th ระดับสูงของโดเมนนี้คือเจ้าของ  .go.th ส่วนคำว่า bangkok ก็จะเป็นหน่วยงาน  ในที่นี้ก็คือสำนักงานกรุงเทพมหานคร

ผู้ที่ต้องการจะมีชือโดเมนให้ตรงตามหน่วยงานก็จะต้อง ชำระค่าทำเนียบมรายปี กับ ผู้ให้บริการ

เนื่องจาก DNS ในระบบเก่านั้นใช้งานกันมาไม่ตำว่า 20 ปี มันก็จะมีผลเรื่องของความเร็วและมันจะช้าลงไปเรื่อง อีกทั้งโอเมนในระบบเก่า ประสบกับปัญหาเรื่องของการถูกโจมตีจนไม่สามารถให้บริการได้ ที่เรียกว่า DDOS ดังนั้นผู้ผลิดซอฟต์แวร์ในเรื่องของ ระบบ DNS จึงได้ปักธงว่า วันที่ 1 นี้จะ DNS ในระบบเก่าจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ผู้ให้บริการ ที่รับผิดชอบเรื่องของ DNS จะต้องเปลี่ยนมาให้บริการในรูปแบบ EDNS

ระบบ DNS เดิมเริ่มใช้งานกันมาตั้งแต่ 1987 จนถึงปัจจุบัน ส่วน EDNS นั้นเริ่มใช้กันในปี 1999 จะเห็นว่าEDNSใช้กันมาสิบกว่าปีแล้ว ดังนั้นก็ไม่น่าจะเหลือใครที่ยังไม่เปลี่ยน แต่กลายเป็นว่าปัจจุบันยังมีผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ DNS ในเวอร์ชั่นเก่าอยู่มาก เขาก็จึงตั้งธงว่า วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2019 จะต้องอัพเดทกันได้แล้ว เช่น
ตัวอย่างของชื่อซอฟต์แวร์ DNS
BIND  ,Knot Resolver  ,PowerDNS Recurs

การที่จะตรวจสอบว่า DNS ของเราจะมีปัญหาหรือไม่ให้เข้าไปที่ https://dnsflagday.net/
แล้วกรอกชื่อโดเมนดูครับว่าผ่านหรือไม่ผ่านถ้าไม่ผ่านก็ต้องทำการอัพเดทซอฟต์แวร์ของระบบทันทีหรือติดต่อผู้ให้บริการเว็บโฮสติง แต่ถ้าเป็นหน่วยงานของรัฐที่ดูแล โดเมนย่อยของตัวเองก็ต้องลองทดสอบดูและทำการอัพเดท หรือ อัพเกรดระบบ


วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562

เจาะประเด็นสินค้าเทคโนโลยีในปี2019ในงาน CES 2019

 จบลงแล้วงาน CES 2019 ซึ่งเป็นงานจัดแสดงสินค้าเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งงานนี้จัดไปแล้วเมื่อวันที่ 8 มกราและสิ้นสุดเมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่เวกัส งานนี้จัดโดย Consumer Technology Association (CTA) มีสมาชิกกว่า 2000 บริษัทในสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ว่างานนี้จะจัดอย่างยิ่งใหญ่แต่ก็ใช่ว่าบุคคลทั่วไปจะสามารถเข้าชมงานนี้ได้ผู้ที่เข้าชมงานนี้ได้เพราะมีเพียงแต่สื่อมวลชน บล็อกเกอร์และนักเขียนมากมาย พื้นที่ในการจัดแสดงในงานนี้ใช้พื้นที่กว่า 2.75 ล้านตารางฟุต มีสินค้าเข้าร่วมแสดง 24 หมวดสินค้า งานนี้ถึงแม้ว่าบุคคลทั่วไปจะไม่สามารถเข้าชมได้แต่ก็มีผู้คนที่มีสิทธิ์เข้าไปดูถึง 180,000 คนจาก 155 ประเทศรวมถึงสื่ออีก 6,500 คนที่เยี่ยมชม บริษัทที่จัดแสดงสินค้าในครั้งนี้ประมาณ 4,500 รายการ มาดูจุดเด่นของงาน

จุดเด่นของปี
จุดเด่นของงานในปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอุปกรณ์ไร้สาย  ปัญญาประดิษฐ์ จอภาพหรือทีวีขนาดใหญ่และความคมชัดสูง 8K การประมวลผลภาพที่รวดเร็ว รถยนต์ไฟฟ้า
Dell จอใหญ่มาก
จอภาพหรือทีวีขนาดหน้าจอใหญ่ 65”  ถ้าพูดถึงความคมชัด ต้องระดับ 8k ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ใช้เทคโนโลยี OLED การออกแบบให้น่าใช้ไร้ขอบ เมาะกับนักพัฒนาและนักเล่นเกมส์
ภาพจาก techradar.com

อุปกรณ์ VR
หน้ากากสวมใส่สำหรับ VR เพื่อให้เสมือนจริง ก็ให้การแสดงผลที่ระดับ 8k  ต้องไร้สายและที่เป็นเทรนก็คือมีกล้องเพื่อให้เห็นภายนอกหน้ากากและผสมกับความเป็น virtual
ภาพจาก techradar.com

ปัญญาประดิษฐ์
ปัญญาประดิษฐ์ อย่าง Alexa ของค่าย Amazon

ภาพจาก techradar.com

จะมีการนำมาใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่ เพื่อพูดคุยโต้ตอบ รวมถึ รวมถึงใช้คำสั่งในการสั่งงานต่างๆได้ด้วยเนื่องจากคุณสมบัติของอเล็กซ่าที่เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นมากมายสามารถสั่งให้เปิดเพลงหรือแม่กระทั่งให้อ่านอีบุ๊ก ที่ซื้อไว้ใน kindle ของ Amazon ได้ด้วย

โน้ตบุ๊ค
Labtop ในปีนี้ส่วนใหญ่เน้นไปที่ ไปที่การออกแบบ เป็นเครื่องเล่นเกม เจาะกลุ่มเกมเมอร์ทั่วโลก  เน้นความบาง เบา ใช้งานได้นาน
ภาพจาก techradar.com

การถ่ายภาพ
ในด้านของเทคโนโลยีการถ่ายภาพในปีนี้เราจะพบเห็นSDX ขนาด 1T ตัวแรกของโลกซึ่งจะมีวางจำหน่ายเร็วเร็วนี้ เพื่อให้รองรับกับ กล้องที่มีความคมชัดเป็นกล้องถ่ายวิดีโอขนาด 8k ในปีนี้
ภาพจาก techradar.com

Smart home
สมาร์ทโฮมหรือบ้านอัจฉริยะจะเป็นที่น่าสนใจและจะมีสินค้าออกมาเยอะมากยกตัวอย่างเช่นกระจกอัจฉริยะที่จะมีสไตล์มากกว่าที่คิดที่เรารู้คือว่ามันจะมีข้อมูลออกมาที่กระจกในขณะที่เรากำลังจะใช้กระจกครับเครื่องดูดฝุ่นล่าสุดก็จะแสงฟังฟังเอไอต้องไปด้วยนะครับเพิ่งพับผ้ารวมถึงก่อนให้แสงสว่างอัจฉริยะที่สามารถให้ความสว่างในกลางแจ้งได้ Google assistant  ปีนี้ไปอยู่ในกระจกห้องน้ำเช่นเดียวกันข้อมูล information ต่างๆเกี่ยวกับสภาพอากาศหรือสิ่งที่เราจะถามกับ Google lassistant ข้อมูลก็จะโชว์ที่กระจกซึ่งเป็นปัจจุบันเป็นข้อความรูปภาพที่เป็นแอลอีดี
ภาพจาก techradar.com

เครื่องพับผ้า
เครื่องพับผ้าที่จะพับผ้าให้ภายในห้านาทีเหมาะกับคนที่เบื่อในการพับผ้า เสื้อผ้าเยอะ ว่ากันว่าราคาอยู่ที่ 980$

ภาพจาก techradar.com

ระบบความปลอดภัย DIY จาก Arlo
ตรวจจับการเคลื่อนไหว ตรวจจับคาร์บอนมอนอกไซด์ ตรวจจับการรั่วไหลของน้ำ จะทำให้บ้านของเราปลอดจากการถูกคุกคาม และสามารถสื่อสารกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมตัวอื่นๆเช่นของซัมซุง

ภาพจาก techradar.com

หุ่นยนต์ lovot
Lovot จาก Groove X ถู ถูกออกแบบมาให้เรียกความรักจากเจ้าของมันจะศึกษาพฤติกรรมและแสดงพฤติกรรมเหมือนสิ่งมีชีวิตและหุ่นยนต์ตัวนี้จะอยู่เป็นเพื่อนคุณเสมอผู้ที่อยู่คนเดียวหรือเป็นเพื่อนกับเด็กหุ่นยนต์ตัวนี้มีความซับซ้อนมากตอบสนองต่อการสัมผัส และซึ่งมันมีกล้องไมโครโฟน กล้องตรวจจับความร้อน ติดไว้ที่หัวราคาอยู่ที่ 598,000 เยนหรือประมาณ 7750 เหรียญ แต่ยังไม่ยืนยันว่าจะมีขายจริงเมื่อไหร่คาดว่าช่วงปี 2020
ภาพจาก techradar.com
สินค้าต่างๆ เหล่านี้ที่นำมาจัดแสดงโดยมากจะเป็นสินค้าที่จะออกมาขายในปีนี้ยังมีอีกมากที่ผมไมไ่ด้หยิบมานำเสนอ สามารถอ่านเนือหาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.techradar.com/news/ces-2019 

วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2562

Project soli เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวของมือด้วยเรด้าร์ ได้รับอณุมัติจากสหรัฐอเมริกา

กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง สำหรับ project Soli ของ google เนื่องจาก google ได้รับอณุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐในการใช้คลืน เรด้า เพื่อการจับความเคลื่อนไหวของมือ ที่เรียกว่า project Soli ต่อจากนี้ไปช่วงเดือนมีนาคม ก็จะมีการขอเพิ่มเติมในคลื่นวิทยุที่มีความถี่ 57 - 64 GHz ซึ่งเป็นความถี่ที่สูงมาก แต่คลื่นวิทยุความถี่นี้สามารถใช้งานบนเครื่องบินได้

Google เปิดเผยโครงการนี้เมื่องาน google I/O ช่วงปี 2016 โดยตัวชิฟ มีขนาด 5x5 mm เท่านั้น และชิฟตัวนี้มีการประมวลผลที่ 10000 เฟรมต่อวินาที โดยการส่งคลื่นเรด้าออกมาและสะท้อนกลับไปเป็นเฟรม ระดับการเคลื่อนไหวของนิ้วมือออกมาเป็น 3D ลองนึกภาพว่า ภาพยนต์ที่เราดูกัน เริ่มจาก 25 เฟรมต่อวินาทียังให้ภาพเคลื่อนไหวที่สมจริงมากดังนั้นการประมวลผลของชิฟ Soli sensor จะแม่ยำขนาดไหน

ลักษณะการทำงานของเรด้า คือ เมื่อ ส่งคื่นวิทยุออกไปมันจะสะท้อนกลับมาทำให้เราสามารถรู้ระยะวัตถุจากการสะท้อน และ ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ จนสามารถ วาดวัตถุนั้นออกมาได้ ซึ่งเป็นที่นิยมกันในวงการ การบิน การทหาร การแพทย์ แต่สำหรับโปรเจคโซลิ คาดว่าจะนำมาใช้ในการควบคุมเสมือนจริง

การใช้เรด้าแทนการประมวลผมภาพจาก CCD ของกล้องเพราะ เรด้า ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของแสงสว่างดังนั้นในที่มือก็สามารถทำมือท่าทางได้

Soli เป็นโปรเจคที่นำไปใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้มากมายโดยที่ผู้ใช้งานจะทำท่าทางเสมือนกดปุ่มแต่ไปได้กดปุ่ม ทำท่าทางหมุนเม็ดมะยม นาฬิกาข้อมือ แต่ไม่ได้สัมผัสจริงเพียงใช้สองนิ้วมือสัมผัสกันเช่นเดียวกับการหมุนเม็ดมะยมที่นาฬิกา การปิดกุญแจ โดยไม่ต้องเสียบกุญแจ

ความแน่นยำของท่าทางจะเกิดได้เพราะมีการนำเอาเทคโนโลยี matchine learning มาใช้แปลการเคลื่อนไหวต่าง ๆ matchine learning เป็นส่วนหนึ่งของในวิทย์คอม ซึ่งพัฒนาการจากการประมวลผลรูปแบบหรือ pattern และทฤษฎีการคำนวนของปัญญาประดิษฐ์

ยกตัวอย่างการทำไปใช้ ต่อไปจะไปอยู่ใน นาฬิกาแน่นอน เครื่องเล่น game การนำไปใช้กับ Virtual Reallity (VR) อยู่ใน Smart Phone ในอนาคต กล่องถ่ายภาพเพื่อถ่ายภาพ เมื่อสามารถลดการกดปุ่มแต่ใช้ท่าทางแทน อุปกรณ์ที่ใช้งานกันน้ำ หรือ ใต้น้ำก็จะมีความลึก