วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2561

ว่าด้วยเรื่องความเป็นส่วนตัว (privacy) ในยุคสังคมออนไลน์



สัปดาห์นี้จะไม่พูดถึงเรื่องความเป็นส่วนตัวไมไ่ด้เพราะมีสองข่าวใหญ่ที่พูดกันในวงกว้างข่าวแรกเรื่อง ข้อมูลผู้ใช้ Facebook ตกไปอยู่ในมือของ บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล และเรื่องที่สองที่กำลังฮอทมากในบ้านเรา ที่ตามมาติด ๆ ก็เรื่อง ข้อมูลภาพบัตรประชาชนของผู้สมัครใช้โทรศัพท์ของค่ายมือถือ True ที่ถูกค้นเจอเพราะเปิดเป็น public เอาไว้ในบริการของ AWS S3 สองเรื่องนี้เกิดขึ้นต่าง กรรมต่างวะระกันก็จริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเฟสบุค ผ่านมาจนมีผลทางการเมืองผมขอสรุปคราวๆดังนี้

สรุปเรื่องของเฟสบุค
ข้อมูลส่วนตัวในเฟสบุคหลุดได้อย่างไรเป็นที่รู้กันว่า เฟสบุคอำนวยความสะดวกให้แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้ใช้สมาชิกของเฟสบุคสมัครใช้งานได้โดยผ่าน API ผู้ใช้จะได้ไม่ต้องกรอกข้อมูลอะไรเพียงแต่ก่อนจะเล่นเกมส์หรือใช้แอปพลิเคชั่นนั้นก็แค่ยอมรับให้แอปนั้นสามารถเข้าถึงตัวตนของเราได้เช่นชื่อ ในยุคแรก เฟสบุคให้เข้าถึงได้ว่าเพื่อนเรามีใครบ้างและแต่ละคนเชื่อมโยงถึงใครบ้าง แต่ต่อมาภายหลัง ข้อตกลงนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่มีผู้ที่เคยทำแอปพลิเคชั่นในยุคนั้นก็คือนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ชื่อ Aleksandr Kogan สร้างแอป ชื่อว่า thisisyourdigitallife ซึ่งมีคนประมาณ 270,000 คนดาวน์โหลดและ ให้ข้อมูลของพวกเขา แต่ Kogan ยังคงเก็บข้อมูลผู้ใช้เอาไว้และนำมาใช้กับ Cambridge Analytica ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลช่วงเลือกตั้งให้กับ ประธานาธิบดี ทรัมป์ มีโปรไฟล์ของผู้ใช้งานเฟสบุคถึง 50 ล้านคน Cambridge Analytica ได้นำมาวิเคราะห์และกำหนดเป้าหมายโฆษณาทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเรื่องเหล่านี้รุ้ถึงผู้ใช้งาน facebook จึงทำให้เกิดแคมเปญ หรือ แฮชแทก Delete Facebook จากผู้ใช้ทั่วโลกหนึ่งคนที่โดงดังมากและลบเพจออกไปก็คือ Elon musk ได้ทำการลบ page ที่ชื่อ Space X และ Tesla เรื่องการนำข้อมูลไปใช้ The Guardian เปิดเผยโครงการนี้ในปี 2015 Facebook จึงบอกให้ Kogan และ Cambridge Analytica และขอให้ลบข้อมูลทั้งหมด ที่พวกเขามีเพราะเป็นการละเมิดกฎของ Facebook แต่รายงานกล่าวว่าในความเป็นจริง,

Cambridge Analytica และ Kogan ไม่เคยลบข้อมูล และ Facebook ไม่เคยตรวจสอบเพื่อดูไม่ว่าจะเป็นการลบข้อมูลตามที่ได้แจ้งไว้ นี้ได้รับหัวใจของสาเหตุที่บางคน กำลังลบบัญชี Facebook ของตนเองตอนนี้




สำหรับใครที่อนุญาตให้แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ เข้ามาสามารถเข้าไปยกเลิกได้. ให้ไปที่ การตั้งค่า > คลิกที่ แอปและเว็บไซต์


อะไรที่ไม่ต้องการแล้วก็ลบออกไปบ้าง นะครับ งานนี้ถ้าเฟสบุคถอดใจก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพราะปัจจุบันคนติดเฟสบุคกันมากมาย



เรื่องที่สองเกิดขึ้นในบ้านเรา

สดๆ ร้อน ๆ จะเรียกว่าถูก hack ได้หรือไม่เพราะการ hack น่าจะเป็นเรื่องที่เข้าถึงในระบบปิดและสามารถเข้าถึงได้ การพบครั้งนี้ เป็นการค้นเจอของ Niall Merigan ว่า True ได้ทำการเปิด Public ภาพบัตรประชาชนของผู้ใช้ โทรศัพท์ 46,000 ไฟล์ รวมแล้วมีขนาด 32G เป็นบัตรประชาชนในการซื้อซิมพร้อมเครื่อง  ผู้เชียวชาญในเฟสบุคหลายคนต่างวิภาควิจารกันว่า เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดในการตั้งค่าของผู้รับผิดชอบ เพราะปกติ Cloud Storage S3 จะถูกตั้งให้ค่าเริ่มต้นเป็น private อยู่แล้ว Niall Merigan เป็นคนทำหน้าที่สำรวจตรวจสอบผู้เข้ามาใช้บริการของ Amazon S3 อยู่แล้ว หลังจาก true ทราบการแจ้งเตือน ใช้เวลาแก้ไขเกือบสัปดาห์ กว่าจะปิด


ปัจจุบันทางตัวแทนของ True ได้เข้าให้การกับ กสทช แล้ว

เรื่องของ Privacy เป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องต้องให้ความตระหนักในเรื่องนี้มากๆ เพราะสองเรื่องที่เกิดขึ้นมีทั้งผู้ใช้บริการให้ความยินยอม และ ไม่ให้ความยินยอมในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ในต่างประเทศเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากและหากนำไปใช้ในการให้คุณให้โทษกับบุคคลอื่นได้ยิ่งเป็นปัญหาวุ่นวายตามมาแน่นอน 

ในบ้านเราการละเมิดความเป็นส่วนตัวเกิดขึ้นมากมาย บางทีพ่อแม่ที่อยู่ทางบ้านก็ได้รับโทรศัพท์เชิญชวนให้รับข้อความ SMS ดูดวงรายวัน รายงานผลสลากกินแบ่งฟรี แต่ไม่บอกว่าหลังจากกี่วันไปแล้วจะเสียข้อความละ 3 บาท 6 บาท หรือ 9 บาท พอเงินในบัตรเติมเงินหมดเติมใหม่เข้าไปก็ถูกหักเงิน กว่าจะรู้ตัวก็หมดไปคนละหลายพัน หรืออยู่ดีดีก็เอาข้อมูลของเราไปให้บริษัทประกันโทรมาขายประกัน ขายบริการเสริม โทรศัพท์ ไม่เว้นวันเวลาพักผ่อนหรือวันหยุด หรือ เวลาทำงาน 

การเข้าถึงพฤติกรรมของผู้ที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าในสินค้าหรือบริการต่างๆ เป็นเรื่องที่น่าสนใจของการวิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องการทำ Data mining เพราะจะได้ซื้อโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

ข้อมูลบัตรประชาชนเอาไปทำอะไรได้จะขอยกตัวอย่างเช่น การเอาไปสวมสิทธิ์รับเงินสงเคราะห์ต่าง ๆ ที่ให้นักศึกษาเซ็นแทนก็เกิดขึ้นมาแล้ว การเอาชื่อพร้อมสำเนาบัตรไปแนบลงรายการผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องการยอดจำนวน ก็มี...

การตอบคำถามในการเข้าถึงการใช้บัตรเครดิตร ต้องใช้ข้อมูลของผู้ถือบัตร

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2561

ทำไมช่วงนี้ Apple สนใจด้านการศึกษาเป็นพิเศษ

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2018 Apple ทำการเปิดตัว ipad ใหม่แบบไม่ค่อยฮือฮาเท่าไหร่ แต่ที่จะน่าสนใจตรงที่ ราคาเริ่มต้นที่ 11,000 บาท เพราะงานนี้ Apple เจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นโรงเรียนเป็นหลัก ขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว สามารถใช้ Apple pen ได้ เพราะ Apple pen ก่อนหน้านี้จะใช้งานได้เฉพาะ รุ่นใหญ่คือ ipadPro เท่านั้น Apple ชูความเหนือชั้นที่จะใช้ในการเรียนการสอนด้วย Application ที่เกี่ยวข้องกว่า 400,000 App และเพิ่มเนื้อที่ iclound ให้ 100 G สำหรับโรงเรียน และกำลังจะเปืดตัว Application จัดการห้องเรียน ที่เรียกว่า classroom ซึ่งก่อนหน้านั้นยังไม่มีมาก่อน
https://www.apple.com/th/ipad-9.7/

สาเหตุอะไรทำไม apple จึงมาเน้นการตลาดการศึกษาในช่วงนี้ น่าจะเกิดจาก

Google ได้เริ่มโปรโมท chromebook อย่างจริงจัง และมีบริษัทผู้ผลิต คอมพิวเตอร์รายใหญ่ๆ นำระบบปฏิบัติการ ChromeBook OS ไปติดตั้งและทำสเปคให้เหมาะสม เช่น acer, hp ,dell , samsung, asus ราคาอยู่ที่ 200$ เบ็ดเสร็จแล้วราคา พอๆกับ new ipad สำหรับการศึกษา

ChromeBook มีแอปพลิเคชั่น ที่ติดตั้งผ่าน Browser Chrome ที่เรียกว่า Chrome web store Google จะได้เปรียบตรงที่มี email  สำหรับโรงเรียน โดยที่โรงเรียนจะใช้โดเมนของตัวเองในการส่งเมล์.และ สร้างความคุ้นเคยกับผู้ใช้งานทั่วไปผ่าน Chrome Browser ที่ติดตั้งใน.OS อย่าง.Windows . Linux . Mac มี แบตเตอรี่ ที่ใช้งานได้เกือบ 10 ชั่วโมง

https://www.google.com/chromebook/

อีกค่ายยักษ์อย่าง ไมโครซอฟต์ ก็มี ผลิตภัณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาเหมือนกัน แต่ ก็ยังไม่มีฮาร์ดแวร์ ในราคาประหยัด มามากสักเท่าไหร่นัก และได้ดำเนินรอยตาม Google มาติดได้ปล่อยให้โรงเรียนใช้ License ในรูปแบบของ School โดยมี office 365 เป็นตัวหลัก และ email สำหรับโดเมนของโรงเรียนเช่นกัน

ทั้งสามค่ายมีข้อได้เปรีบบเสียเปรียบที่แตกต่างกัน apple ได้เปรียบเรื่อง Hardware และ Software ที่ควบคุมคุณภาพ Hardware ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับ Software เวลาเกิดปัญหาอะไรที่ผ่านมาApple ก็ เปลี่ยนให้ ถึงแม้ Apple จะไม่มี email ให้บริการ แบบ ไมโครซอฟต์และ Google แต่ก็สามารถติดตั้ง Application ลงไปได้ของทั้งสองค่าย Apple ยังไม่ได้ให้ฟรี พื้นที่เก็บข้อมูล Cloud Storageให้กับคนทั่วไปถึง100G แต่ให้ฟรีสำหรับโรงเรียน น่าจะเป็นตัวเลขการแข่งขันในอนาคต.

Google จะเสียเปรียบเรื่องเนื่อหาสาระในรูปแบบดิจิทัลสำหรับเด็ก ที่ apple ออกแบบมาให้น่าใช้มากกว่า แต่ถ้า google ทำการตลาดให้เกิดการใช้งานที่มากพอ ก็จะมีคนสร้างแอปดีดี ออกมาให้

ในบ้านเราทั้ง Apple และ Google คงต้องเหนือย อีกเยอะกับการช่วงชิงตลาดการศึกษามาจากไมโครซอฟต์