วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ ระวัง แบบสอบถามล่อลวงให้ชำระเงิน ข้อมูลลูกค้ารั่วซื้อขายกันในตลาดมืด

lazada ปฏิเสธการถูกแฮกข้อมูล 

สัปดาห์นี้มีข่าวเด่นๆ ที่อยากคุยอยู่สามเรื่องด้วยกัน โดยเฉพาะข่าวแรก เป็นข่าวในช่วงวันศุกร์ที่ 20 มีข่าวใหญ่ว่า Lazada นั้นถูก Hack ข้อมูลไปขายใน raidforums.com การที่ข้อมูลซื้อขายกันในเว็บแห่งนี้ มีการให้ดาว์นโหลดข้อมูลตัวอย่างประมาณ 50,000 รายชื่อซึ่งข้อมูลนี้สามารถนำไปโทรขายสินค้าได้ เพราะมีรายชื่อ มีเบอร์โทร แต่จากข้อมูลตัวอย่าง เป็นข้อมูลซื้อขายเมื่อปี 2018 บ้าง ซึ่งเก่ามากแล้ว



หลังจากนั้นไม่นาน lazada ก็ได้ออกมาปฏิเสธการถูกแฮกข้อมูล แล้วที่หลุดออกไป ขายในตลาดมืด ว่าข้อมูลนั้นไม่ได้หลุดจาก Lazada ซึ่ง ถ้าดูจากข้อมูลแล้วก็ไม่ใช่จริง ๆ แต่ก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าข้อมูลนั้นมาจากที่ไหน เพราะมีข้อมูลจากแหล่งขายสินค้าอื่น ๆ ด้วยเช่น shopee , Line, Facebook, magento

วันที่ 24 พย กระทรวง DES ก็ได้หารือผู้ประกอบการแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ ต้องให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสูงสุด หลังเจอข้อมูลลูกค้ารั่วไหลครั้งใหญ่ ย้ำทุกรายเป็น “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 มาตรา 37 แม้จะอยู่ในช่วงขยายเวลาบังคับใช้ ทำให้ยังไม่มีลงโทษ แต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายและประกาศกระทรวงเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

            จากเว็บไซตของกระทรวง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า วันนี้ (24 พ.ย. 2563) ได้มีการเรียกประชุมหารือกับผู้ให้บริการอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ๆ ที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันจัดทำแนวทางดูแลข้อมูลของผู้ใช้บริการ และมาตรการในการดูแลข้อมูลผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม โดยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสูงสุด ซึ่งในการประชุมวันนี้ ยังให้ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ ชี้แจงข้อเท็จจริงของข่าวที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการรั่วไหล และมีการนำไปประกาศขายกันทางไซเบอร์

บทเรียนจากเรื่องนี้ทำให้ผู้บริหารข้อมูลขององค์กรธุรกิจควรจะใช้ raidforum ในการตรวจสอบว่าข้อมูลของเรารั่วสู่ Darknet และเอาไว้เป็นหลักฐานทางดิจิทัลเพื่อสืบหาผู้กระทำผิด

แบบสอบถามหลอกลวง

หลังจากที่เข้าไปดูข้อมูลจากเว็บไซต์ประเภท Darknet กลับออกมาวันรุ่งขึ้นผมก็พบกับการแจ้งเตือนให้ทำแบบสอบถามโดยอ่างว่าเป็นการสอบถามความพึงพอใจบริการ shoping online เมือตอบคำถามไปถึงขึ้นตอนสุดท้าย ข้อความภาษไทยจะบอกว่า คุณได้รับ smart phone ในราคา 75บาท จากนั้นก็จะเข้าสู่หน้าชำระเงิน เขาก็จะให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต เพื่อชำระเงิน หากกรอกไปละก็ เว็บเหล่านี้ก็จะเอาข้อมูลของเราไปทำประโยชน์ได้ อย่าหลงกลลวงแบบสอบถาม แล้วจะ โชคดีได้ซื้อ iphone 12 ในราคา 75บาท หรือ 1$






ผมได้ทำการตรวจสอบข้อมูลว่าเว็บนี้มีตัวตนอยู่ที่ไหนผ่านเว็บ whois.com ก็พบว่าเป็นเว็บที่บอกว่าจดทะเบียนในประเทศ ปานามา 

ตรวจสอบ กุญแจ ssl ของเว็บไซต์ชื่อก็ไม่ตรงกันแบบนี้ไม่น่าเชื่อถืออย่างแน่นอน เลยอยากมาแจ้งเตือน

กรณีนี้ไม่ได้เกิดกับการอ้างสอบถามการใช้บริการของ shopee พบว่ามีการอ้างสอบถามของการใช้บริการสืบค้นของ Google ด้วย นั้นหมายความว่า โฆษณาแบบนี้ อาจเกิดจากการใช้ robot ในการเก็บคุ๊กกี้ การท้องเว็บของเราแล้วเอาไปเรียกหน้าจอแบบสอบถามขึ้นมาให้เราหลงกล โดยเฉพาะช่วงนี้ หลายประเทศกำลังเปิดให้จอง iphone 12 ด้วยแล้วแบบสอบถามแบบนี้อาจจะระบาดหนัก

App Smart Vote 

กกต เปิดตัวแอป Smart Vote รองรับการเลือกตั้ง อบจ กกต เปิดตัวแอป Smart Vote เพื่อใช้ในการตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งของเรา อำนวยความสะดวกและเพิ่มเติมคำแนะนำเรื่องกฎหมายนั้น กกต.จึงได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน “Smart Vote” แอปพลิเคชัน “ตาสับปะรด” และสายด่วนเลือกตั้ง 1444 พร้อมเปิดศูนย์บริหารการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-War room เพื่อรองรับการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ App Smart Vote ไม่ได้มีไว้เพื่อลงคะแนน แต่เป็นแอปเพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ร้องเรียนการทุจริตการเลือกตั้ง 

ซึ่งตอนนี้มี เรื่องร้องเรียนทุจริตมีแล้ว 21 เรื่องใน 11 จังหวัด เกือบทั้งหมดเป็นเรื่องซื้อเสียง และบางส่วนเป็นการแชร์ข้อมูลในโซเชียลมีเดีย เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง 

เช่น ห้ามการทำสำรวจความคิดเห็นที่มีลักษณะการชี้นำอาจมีผลต่อการตัดสินใจของประชาชน ห้ามเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นก่อนผลการเลือกตั้ง

การหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถทำได้ เช่นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ยูทูป แอปพลิเคชั่น อีเมล์ เอสเม็มเอส สื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นทุกประเภท


วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

กระแสตอบรับ โครงการคนละครึ่ง

หลังจากที่รัฐบาลเปิดลงทะเบียน โครงการคนละครึ่ง รอบสองดูเหมือนว่ากระแสตอบรับดีมากทั้งร้านค้าและผู้่ใช้ กระแสตอบรับสูง ทำให้มีการพูดกันว่า การที่รัฐบาลลงทุนทำโครงการนี้ เป็นการสอนคนไทยให้เข้าใจคำว่าเศรฐกิจดิจิทัล

เหมือนกับช่วงที่รัฐบาลเปลี่ยนให้คนไทยมาใช้ บัญชีพร้อมเพย์ใหม่ๆ ทำให้คนไทยเข้าใจคำว่าสังคมไร้เงินสดว่าสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย และคนไทยก็รู้จักวิธีการชำระเงินด้วย QR-Code 

ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

จากการสอบถามร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายอดขายสูงขึ้นเกือบเท่าตัว ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะโอนเงินให้ร้านค้าช้ามีช่วงวันหยุด แต่ ภาครัฐก็บอกว่าจะพยายามไม่หยุดโอนเงินช่วงวันเสาร์-อาทิตย์

ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเยอะมากขึ้น เพราะใช้ช่วงแรกของโครงการหลายคนบ่นว่าหาที่ใช้งานยากเพราะโครงการนี้ร้านค้ารายย่อยมีโอกาศเข้าร่วม สามารถค้นหาร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการใกล้บ้านผ่าน เว็บไซต์คนละครึ่ง 

โอกาศดีสำหรับร้านค้า

ร้านค้าที่เข้าร่วมทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เป็นกลุ่มคนที่ลงทะเบียนคนละครึ่งและสามารถค้นหาผ่าน คนละครึ่ง.com 

ตั้งขอสังเกต ร้านค้าที่เข้าร่วมเยอะ ๆ โดยมากจะเป็นร้าน ขนาดย่อมที่ขายสินค้าในตลาดนัดของภาคราชการ แต่ถ้าเป็นร้านค้าในตลาดชุมชน จะหายากส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการรับสมัครร้านเข้าร่วมโครงการมีขั้นตอนทางอินเตอร์เน็ท ผู้ค้าสูงอายุจะไม่ค่อยถนัด ส่วนร้านค้าที่อายุไม่มากก็จะคุ้นเคยกับการลงทะเบียน

แต่บางร้านถามว่าทำไม่เข้าร่วมโครงการ บางร้านกลัวเรื่องของการเสียภาษีที่ภาครัฐจะเข้ามาตรวจสอบ ในช่วงโครงการอาจจะมีผู้มาซื้อของมาก แต่หลังจากโครงการจบลง จะมีคนมาซื้อเยอะเหมือเดิมหรือไม่

แต่อย่างไรก็ดีโครงการนี้มีส่วนดีอยู่มาก ร้านค้ายังสามารถยื่นลงทะเบียนเพื่อรับชำระเงินผ่านแอปถุงเงิน

จำนวนร้านค้า

ณ วันที่ 17 พฤษจิกายน 
กรุงเทพ มีจำนวน 51,705 ร้านค้า
ปทุมธานี                9,863 ร้านค้า
สมุทรปราการ      11,052 ร้านค้า



สถิติการใช้งาน

มีรายงานข่าวจาก  เมเนเจอร์ออนไลน์ ว่า  เฟซบุ๊กส่วนตัว “Chao Jiranuntarat” ของนายสมคิด จิรานันตรัตน์ ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หนึ่งในทีมดูแลระบบการลงทะเบียนให้กับโครงการของรัฐบาลหลายโครงการ เช่น เราไม่ทิ้งกัน, วอลเล็ต สบม. รวมทั้งโครงการคนละครึ่ง ได้โพสต์ข้อความสถิติโครงการคนละครึ่งที่น่าสนใจ ระบุว่า “ไม่น่าเชื่อว่าโครงการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้เยอะขนาดนี้ ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 มีร้านค้าลงทะเบียนจำนวน 557,878 ร้านค้า มูลค่าการใช้จ่ายสะสม 9,933 ล้านบาท การใช้จ่ายต่อวันขึ้นสูงถึง 4.6 ล้านรายการ 937 ล้านบาท

จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. สงขลา 3. นครศรีธรรมราช 4. สุราษฎร์ธานี 5. เชียงใหม่ 6. ชลบุรี 7. นนทบุรี 8. สมุทรปราการ 9. นครราชสีมา 10. ปทุมธานี

ประเทศไทยเข้ายุค เศรษฐกิจดิจิทัลแล้วหรือยัง

เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) คืออะไร มีผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านได้ให้ความหมายไว้หลายท่าน ดังนี้

1. Don Tapscott ให้ความหมายไว้ว่า
 “เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy หรือ DE) คือเศรษฐกิจและสังคมที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร(หรือเรียกว่าเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้ทันยุคสมัย) เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูป กระบวนการผลิตการดำเนินธุรกิจ การค้า การบริการ การศึกษา การสาธารณสุข การบริหารราชการแผ่นดินรวมทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น”

2. ETDA หน่วยงานหลักในการสนับสนุนการวางกรอบนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ
และสังคม ได้ให้ความหมายว่า “เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยการนำเอาไอทีหรือเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิต เพิ่มผลงาน โดยใช้เวลาน้อยลงและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการต่าง ๆ เพื่อให้เราแข่งขันกับชาติต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยุคปัจจุบันที่การใช้สมาร์ทดีไวซ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ติดต่อสื่อสารกันผ่านเครือข่ายไร้สายความเร็วสูง (Wireless Broadband)เช่น 3G, 4G ซึ่งใช้งานได้ง่ายกว่า PC มาก ทำให้เกิดการใช้งานในวงกว้าง แม้กระทั่งในคนที่ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์ หรืออินเทอร์เน็ตมาก่อน ซึ่งทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ มากมายในแทบทุกสาขาเศรษฐกิจ

หากเรามองว่าโครงการคนละครึ่งส่งผลให้ การดำเนินกิจกรรมทาง การค้า การบริการ เปลี่ยนมาให้บริการมากขึ้นก็ถือว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก ที่พ่อค้าแม่ค้ากล้าที่จะให้บริการรับชำระเงินผ่านเทคโนโลยี ซึ่งในสมัยก่อน การจพชำระเงินแบบนี้ทำได้ยาก

สำหรับในเรื่องการศึกษา ผมยกประโยชน์ให้ covid-19 ที่ทำให้ตื่นตัวกันในเรืองของการนำเอา e-learning มาใช้ในการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย ในโรงเรียน ในการอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานของกระทรวงแรงงาน และการฝึกอบรมบุคลากรในสถาณประกอบการ

สำหรับเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน การติดต่อหน่วยงานราชการยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เอกสาร ต้องเดินทางเข้าไปถึงหน่วยงานเพื่อเข้าไปวางบิลรับเช็ค ทั้งๆที่เรามีกรมบัญชีกลางที่สามารถทำเรืองต่าง ๆ ได้แล้วแต่ภาคเอกชนที่จะขึ้นทะเบียนเป็นผู้ค้ากับภาครัฐก็ยังต้องยื่นเอกสาร แทนที่จะเชื่อมโยงข้อมูลกันระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ และ กรมสรรพากร

ในด้านการแข่งขั้นของภาคเอกชนหลายธุรกิจเริ่มปรับตัวและนับจากนี้เป็นต้นไป ผมมองว่า การค้าการขายจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากความมั่นใจในการใช้จ่ายผ่านอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์

การเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยได้เริ่มมาสองก้าวแล้วนับตั้งแต่ การเปิดใช้ พร้อมเพย์ และมีการใช้งานจริงจังก็ช่วงที่รัฐบาลใช้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิมช๊อบใช้  เที่ยวด้วยกัน และมาถึงคนละครึ่ง 




วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ดีป้า” เผยมูลค่าอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ปี 2562 พุ่งแตะ 31,000 ล้านบาท

 ดีป้า” เผยมูลค่าอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ปี 2562 พุ่งแตะ 31,000 ล้านบาท 

ตลาดเกมกินส่วนแบ่งกว่า 25,000 ล้านบาท ด้านอุตสาหกรรมบิ๊กดาต้าโตด้วย

10 พฤศจิกายน 2563, อาคารดีป้า ลาดพร้าว – สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ร่วมกับ สถาบันไอเอ็มซี เผยผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ และบิ๊กดาต้าปี 2561-2562 ชี้ภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทยปี 2562 โตขึ้นจากการขยายตัวของตลาดเกม ส่วนอุตสาหกรรมบิ๊กดาต้า เติบโตต่อเนื่อง กูรูคาด 5G หนุน 2 อุตสาหกรรมควงแขนโตต่อปีนี้ 

ดร.กษิติธร ภูภราดัย รองผู้อำนวยการใหญ่ (กลุ่มยุทธศาสตร์และบริหาร) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า และสถาบันไอเอ็มซี เปิดเผยในงานแถลงผลสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ และบิ๊กดาต้าปี 2561-2562 ที่จัดร่วมกับสมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย (DCAT) สมาคมผู้ประกอบการแอนิเมชันและคอมพิวเตอร์กราฟฟิกส์ไทย (TACGA) สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เกมไทย (TGA) และสมาคมธุรกิจบางกอกเอซีเอ็มซิกกราฟ (Bangkok ACM SIGGRAPH) เผยผลสำรวจมูลค่าดิจิทัลคอนเทนต์ และบิ๊กดาต้าของปี 2561-2562 ในประเทศไทย โดยครอบคลุมสามสาขาหลักได้แก่ อุตสาหกรรมแอนิเมชัน อุตสาหกรรมเกม และอุตสาหกรรมคาแรคเตอร์ และบิ๊กดาต้า ว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทยปี 2562 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 11.51% คิดเป็นมูลค่าอุตสาหกรรม 31,080 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปี 2561 ที่ 27,873 ล้านบาท และ 25,040 ล้านบาทในปี 2560  

โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทยปีก่อนเติบโตมาจากตลาดเกมที่มีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดที่ 15.96% คิดเป็นมูลค่า 25,440 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยหนุนมาจากการเปิดตัวเกมใหม่ของผู้ประกอบการไทย และคนไทยนิยมเล่นเกมไทยมากขึ้น ประกอบกับสมาร์ทโฟนรุ่นพื้นฐานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและจูงใจต่อการเล่นเกม 

ขณะที่ตลาดแอนิเมชันหดตัวเฉลี่ย 6.53% มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3,494 ล้านบาท เนื่องจากความนิยมของประชาชนที่เปลี่ยนจากการชมเพย์ทีวีและฟรีทีวีในประเทศไปเป็นสตรีมมิงต่างประเทศ ซึ่งสถิติรายได้จากบริการสตรีมมิงบางส่วนไม่ถูกรวมในการสำรวจ เช่นเดียวกับตลาดคาแรคเตอร์ที่หดตัว 2.32% มีมูลค่ารวม 2,146 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดคาแรคเตอร์มาจากความนิยมสติ๊กเกอร์ LINE ลดลง ขณะที่อัตราการจ้างงานจากต่างประเทศหดตัวลงเล็กน้อยต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า ส่วนรายได้จากผู้จัดจำหน่าย ผู้นำเข้า และผู้ดูแลลิขสิทธิ์หดตัว เพราะผลพวงทางเศรษฐกิจและการบริโภคสินค้าที่มีแบรนด์คาแรคเตอร์ลดลง 

ในส่วนของอุตสาหกรรมบิ๊กดาต้าไทยปี 2562 พบว่ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8.64% คิดเป็นมูลค่า 13,177 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 12,129 ล้านบาทในปี 2561 โดยตลาดที่มีเม็ดเงินสะพัดมากที่สุดคือ ส่วนบริการ และส่วนซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ 

ขณะที่บุคลากรในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ลดลง 12.04% เหลือ 5,021 คน จาก 5,708 คนในปี 2561 บุคลากรในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ ปี 2562 ลดลง 12.04% เหลือ 5,021 คน จาก 5,708 คน ในปี 2561 เพราะรูปแบบการจ้างงานในปัจจุบันผู้ประกอบการนิยมเอาส์ซอร์สงานทดแทนการจ้างพนักงานประจำ เพื่อลดภาระต้นทุนคงที่ 

ด้าน รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการ สถาบันไอเอ็มซี คาดการณ์ว่า ปี 2563 การให้บริการบนคลื่นความถี่ 5G และการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ไทยและบิ๊กดาต้าเติบโตต่อเนื่อง โดยประเมินว่า ปี 2563 อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์จะขยายตัวขึ้นอีก 10.1% คิดเป็นมูลค่าอุตสาหกรรมรวม 34,229 ล้านบาท เป็นผลมาจากตลาดเกมที่มีอัตราการเติบโตสอดคล้องกับตลาดโลกที่มีผู้คนเล่นเกมมากขึ้นช่วงกักตัว ในทางกลับกัน วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะส่งผลให้เกิดการชะลอการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชัน ทำให้ตลาดแอนิเมชันมีแนวโน้มจะหดตัวมาก เช่นเดียวกับความนิยมการบริโภคสติ๊กเกอร์ LINE ในตลาดคาแรคเตอร์เริ่มลดลง แต่ยังคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทยจะยังคงเติบโตต่อเนื่องอีก 2 ปี โดยมูลค่าอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ 45,094 ล้านบาทในปี 2565

ส่วนอุตสาหกรรมบิ๊กดาต้าปี 2563 จะขยายตัวจากการเข้าสู่ยุคแห่งการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งทุกภาคส่วนเล็งเห็นประโยชน์ในการใช้บิ๊กดาต้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ ยังมีทางเลือกให้ใช้บริการแบบเช่าใช้ ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจลงทุน

ทั้งนี้ การสำรวจข้อมูลและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ และบิ๊กดาต้า เป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจและประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งเป็นผลงานที่ ดีป้า จัดทำต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ 3 เพื่อเป็นข้อมูลบ่งชี้สถานภาพปัจจุบันของอุตสาหกรรม และข้อมูลคาดการณ์ที่บ่งชี้แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมดิจิทัลของไทยในแต่ละปี โดย ดีป้า จะขยายขอบเขตการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจดิจิทัลให้ครอบคลุมมิติอื่นเพื่อให้ผู้สนใจได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ซึ่ง ดีป้า กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา Digital Pulse ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทั้งดัชนีชี้วัดระดับสากล และฐานข้อมูลที่ ดีป้า สำรวจเองทั้งในฝั่งของผู้ประกอบการที่จะเป็นฐานข้อมูลและแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัล รวมถึงความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมดิจิทัลที่สำรวจและนำเสนอผลรายไตรมาส ตลอดจนการสำรวจฝั่งผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรมโดยในระยะแรกโฟกัสที่การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคการผลิตเป็นอันดับแรก และจะขยายผลไปสู่ภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ และบริการต่อไปในอนาคตอันใกล้


เสวนาท้ายรายการ

อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเท้นท์ในประเทศไทยเติบโตได้ประมาณ 10% ในแต่ละปี ซึ่งทั้วโลกนั้นเติบโตในตัวเลขเดียวกัน จากข้อมูลตัวเลขที่นำเสนอ ดิจิทัลคอนเทนต์ในไทยแบบไทยทำจะมีเพียงแค่ 5% ของตลาดเท่านั้นโดยมากจะ นำเข้าเกมส์มาจากต่างประเทศ 


เนื้อหาสาระดิจิทัลในต่างประเทศจะพวกทั้งสามด้านไปด้วยกัน เช่น เกมส์ แล้วไปสร้าง animation และต่อยอดด้วย คาแรคเตอร์

อุตสาหกรรมเกมส์ที่เป็นของไทยเองมีน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วคนไทย ก็มักจะไม่ได้เล่นเกมส์ไทย มักจะเล่นเกมส์จากต่างประเทศมากกว่า

ส่วนของอินเมชั่นในบ้านเราจะเติบโตได้อย่างไร ทั้งๆที่คนไทยก็เก่งในเรื่องนี้ แต่เราก็ยังขาดบุคลากรอีกมากและในเรื่องของการทำงานเป็นทีม  ปัจจุบัน บริษัททำอนิเมชั่น ไทยน้อยลงมาก แต่บริษัทเกมส์ เพิ่มขึ้นมาก สาเหตุจาก เกมส์ไทยไม่ค่อยตอบโจทย์ความต้องการของตลาดซึ่งเรื่องนี้เป็นความท้าทาย

อุตสาหกรรมเกมส์ในประเทศไทย แบ่งได้สามประเภท คือ 1 เป็นบริษัทคนไทย 2 เป็นต่างชาติมาตั้งในไทย 3 เป็นบริษัทต่างชาติ ไม่ได้มาตั้งบริษัทในไทย ในส่วนที่สามที่เป็นบริษัทต่างชาติ ขนเงินออกไปนอกประเทศมากที่สุดของตลาดเกมส์มือถือ สำหรับรายได้โดยมากจะเป็นบริํษัทหนึงในสิบต้น ๆ และก็เป็นบริษัทต่างชาติที่ไม่ได้เข้ามาตั้งบริษัทในไทย เม็ดเงินเกือยสองหมืนล้าน และใช้คนไม่มาก การจ่ายค่าตอบแทนไม่ได้ผ่านระบบเงินเดือนในประเทศ ดังนั้น เรื่องของภาษีจึงเป็นปัญหา VAT ก็ไม่ได้

อุตสาหกรรมเกมส์ในต่างประเทศรอบๆบ้านเราเช่นเวียดนาม จีน เขาจะต้องขออนุญาตก่อนและต้องเชื่อมต่อการจ่ายเงินผ่าน local payment เท่านั้น ดังนั้น เมื่อเป็นแบบนี้ ประเทศไทยที่ไม่มีกฏระเบียบใดๆ จึงเป็นที่หมายปองของบริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาทำตลาดเกมส์ในไทย แบบไม่ต้องมาจดทะเบียนในประเทศไทยก็ได้

อุตสาหกรรมที่เป็น Big data ของประเทศไทยก็เป็นปัญหาว่าสัดส่วนของคนไทยน้อยมากไม่ว่าจะเป็น Hardware และ Software ยังพึงพาจากต่างประเทศอยู่มาก รวมถึงปัญหาของการที่ ผู้บริโภคซื้อตรงไปยังต่างประเทศ อุตสาหกรรมโตแต่ประเทศเก็บรายได้จากผู้ให้บริการต่างประเทศไม่ได้ 






วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

กองทัพอากาศสหรัฐจัดซื้อโดรนของจีนกระตุ้นความกังวลด้านความปลอดภัย

 กองทัพอากาศสหรัฐฯเพิ่งซื้อโดรนที่ผลิตในจีนหลายสิบลำเพื่อใช้ในการทดสอบและฝึกอบรมตามรายงานของเจ้าหน้าที่และบันทึกการซื้อดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีของกระทรวงกลาโหมอย่างต่อเนื่องซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณาว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ


หน่วยบัญชาการปฏิบัติการพิเศษของกองทัพอากาศซึ่งเป็นหน่วยคอมมานโดที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีได้ซื้อโดรน 57 ตัวในเดือนกันยายนจาก Da-Jiang Innovations หรือ DJI ซึ่งเป็นผู้ผลิตระบบทางอากาศไร้คนขับที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเซินเจิ้นประเทศจีน พวกเขาจะใช้ในการฝึกนักบินว่าจะใช้กับสหรัฐหรือพันธมิตรได้อย่างไรและจะเอาชนะพวกเขาได้อย่างไรเจ้าหน้าที่กล่าว


เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศกล่าวว่าโดรนมีความคุ้มทุนและมีประโยชน์โฆษกของ DJI กล่าวว่าพวกเขาไม่เสี่ยงต่อการสูญหายหรือถูกขโมยข้อมูล

ผู้ช่วยของวุฒิสภาแสดงความกังวลว่าข้อมูลใด ๆ ที่รวบรวมโดยโดรนอาจถูกส่งไปยังปักกิ่งซึ่งทำให้เกิดช่องโหว่ของสหรัฐฯหรือพันธมิตร

กองทัพเรือ Cmdr. Tim Hawkins โฆษกหน่วยปฏิบัติการพิเศษกล่าวว่ากองทัพใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวดเมื่อใช้โดรนดังกล่าว


อ้างอิง

https://www.wsj.com/articles/air-force-purchase-of-chinese-drones-spurs-security-concerns-11604322017?mod=tech_lead_pos4

แต่นักวิจารณ์กล่าวว่าโดรนสามารถใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพสหรัฐและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญหรือในกรณีอื่น ๆ ของการจารกรรมและการรวบรวมข้อมูลโดยส่งข้อมูลกลับไปยังจีน

เว็บเกมส์จับสัตว์เลี้ยง เชิดเงินหนี เปิดไม่กี่เดือนก็ปิด

วันนี้มีข่าวมาเตือนเพื่อนๆและคุณผู้ฟังกันครับว่ามีกลโกงรูปแบบใหม่มาในรูปแบบซื้อไอเทม(Item)สัตว์เลี้ยง 

เว็บเกมส์ชวนจับสัตว์เลียง มาเก็บไว้จากนั้นมีการเก็งกำไร แล้ว ปล่อยขาย โดยจะเอาผลตอบแทนสูงๆมายั่วยวนใจ เว็บ เหล่านี้กำลังระบาดไปทั่ว เพราะการจับสัตว์เลี้ยงที่ เจ้าของเว็บตั้งขึ้นมา จะมีการกำหนดให้ผู้เล่นเตรียมเงินไว้ ด้วยการโอนเข้าบัญชีคนไทย สองสามคน จากนั้น ถ้าต้องการจะจับสัตว์เลี้ยงชื่ออะไรก็จะมีการกำหนดเวลาแล้ว ก็แข่งกันจับใครจับได้ก็โชคดี จับไม่ได้ก็ถ่วงเวลาไปจับ คืนค่าธรรมเนียมหลังเที่ยงคืน แต่เข้าในระบบ พอมีคนได้กำไร แล้วโอนเงินไปซื้อมาก ๆ ก็ปิดเว็บหนีเลย

วิธีการนี้เกิดกับเว็บที่ชื่อ lucky doca แต่จดโดเมนในชื่อ docatg ดอทคอม ได้ข่าวว่ามีผุ้เสียหายเข้าแจ้งความหลังจากวัน่ี่ 2 เว็บนี้ถูกปิด ด้วยเจ้าของเว็บเอง

ก่อนจะหลงเชื่อควรตรวจสอบ

ผมได้ทำการเอาชื่อเว็บที่ถูกปิดไปตรวจสอบดู ผ่าน Whois.com
เว็บนี้จดทะเบียนมาแค่ ไม่กี่เดือนและะมีอายุไม่เกิน หนึ่งปี 

เจ้าของเว็บตรวจสอบได้ใชชื่อที่อาจจะไม่ใช่ตัวจริง และที่สำคัญ ไม่น่าเชื่อว่า การโอนเงินค่าธรรมเนียมค่าสมาชิก โอนเข้าบุคคลธรรมดาที่เป็นคนไทย งานนี้อยากให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความนะครับ สถาณะโอเมนก็ถูกลบโดยผู้จดทะเบียน

www.tiktok008.com

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 63 ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย 40 รายจากการถูกหลอกให้สมัครสมาชิกและกดหัวใจให้กับผู้ใช้บริการแอพพลิเคชั่้น"ติ๊กต๊อก" เดินทางเข้าร้องทุกข์กับร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ผุ้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ เพื่อขอให้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษและขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินเว็บไซต์ ชื่อ www.tiktok008.com ที่เปิดรับสมัครสมาชิกให้เข้าไปทำหน้าที่กดหัวใจ แต่ไม่ได้รับค่าตอบแทนตามที่ระบุ

หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนได้รับการชักชวนจากคนรู้จักว่า มีเว็บไซต์ชื่อ Tiktok 008 ต้องการผู้ร่วมงาน แต่จะต้องเสียค่าสมัครสมาชิกตามระดับชั้น ซึ่งมีทั้งหมด 6 ระดับ เริ่มตั้งแต่ 399 บาท ไปจนถึง 91,999 บาท โดยหลังจากสมัครสมาชิกแล้ว ผู้สมัครแล้วจะต้องกดรูปหัวใจผ่านแอพพลิเคชั่นติ๊กตอก 70 หัวใจต่อวัน และจะได้รับค่าตอบแทนหัวใจดวงละ 8 บาท เท่ากับว่าจะได้เงินค่าตอบแทนวันละ 560 บาท หรือเดือนละ 16,800 บาท ตนจึงสมัครเป็นสมาชิกระดับ 3

ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้จ่ายค่าสมัครไปอีก 12,999 บาท และเมื่อทำแล้ว ได้ตัดสินใจที่จะถอนเงินคืน แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ โดยทางเว็บไซต์แจ้งว่าระบบมีปัญหาเพราะมีคนใช้บริการจำนวนมาก จนกระทั่งวันที่ 22 ต.ค. เว็บไซต์ดังกล่าวก็ปิดตัวลงและหน้าเว็บหายไปจากระบบ จึงรวมกลุ่มกับผู้เสียหายรายอื่นๆ มาร้องดีเอสไอ



เรื่องที่สองของวันนี้คือ พรฮับ ที่ปิดด้วยกระทรวง DES

การปิดเว็บที่กระทรวง DES ปิดผ่าน ระบบ DNS หรือ (Domain name system) กลับกลายเป็นเรื่องละเมินสิทธิ์เสรีภาพไปได้อย่างไร ส่วนตัวผมมองว่า เว็บนี้มีเนื้อหาและการเผยแพร่ข้อมูลวีดีโอโป๊ ทั้งแบบ บอกรับสมาชิกและ ฟรี ที่บอกว่าอันตรายเพราะ การหลอกลวงด้วยวิธีของ การแอบถ่าย  และนำไปเผยแพร่ เบื้องหลังอาจจะมีการข่มขู่เรียกค่าไถ่กันมาแล้วก็ได้ หรือกลั่นแกล้งกันแบบรุนแรง 

การปิดเว็บพรฮัพแล้วนำไปโยงประเด็นเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลมันเป็นคนละเรื่องกันเพราะข้อมูลนี้ ละเมิดเนื้อหาวีดีโอโป๊ เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีก็มี เว็บนี้ไม่ใช่ข่าวเนื้อหาสาระที่มีการกลั่นกรอง 

อยากให้มองมุมที่ทำให้เกิดความเสียหายทำให้เกิดความอายของมุมผู้ถูกกระทำอย่างไม่ได้ตั้งใจด้วยซึ่งรุนแรงกว่ามาก