วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

เตือนภัย!! ในยุค สังคมไร้เงินสด

ภัยในยุคปัจจุบันที่มาจากยุคสังคมไร้เงินสด ที่พบใหม่ล่าสุด ก็คือภัยจากการโอนเงินผิดบัญชี เฟสบุ๊ค กองปราบ แจ้งเตือนประชาชนว่า หากมีคนโทรมาบอกว่า มีการโอนเงินเข้ามาผิดบัญชีให้เราทำการโอนคืน อย่าโอนคืนทันที ให้ประสานงานกับธนาคารของเรา ตรวจสอบการโอนเงิน แล้วธนาคารจะโอนคืนกลับไปเอง

สาเหตุที่ไม่ให้โอนคืนกลับด้วยตัวเอง เราอาจจะตกเป็นผู้ต้องหากระทำความผิดร่วมกันฝอกเงิน เพราะพฤติกรรมดังกล่าว คาดว่าอาจจะได้มาจากการกระทำความผิด เช่นจงใจขายของออนไลน์ แล้วไม่ส่งสินค้า แต่ใช้บัญชีผู้อื่นรับเงินแทน การโอนมาผิดอาจจะเกิดจากกระบวนการของกลุ่มผู้ค้าขายสินค้าผิดกฏหมาย

ทางที่ดีแนะนำให้ผู้ที่โทรมาบอกเราให้เขาไปแจ้งความว่าได้โอนเงินผิดและเอาใบแจ้งความนั้น ติดต่อกับทางธนาคารเพื่อให้ธนาคารตรวจสอบและประสานงาน หากเป็นการโอนผิดเลขบัญชีจริงๆ ทางธนาคารจะเป็นผู้โอนกลับคืนให้เอง


เรื่องต่อมาการโกงเงินโครงการเราชนะ

มีข่าวการโกงเงินจากการใช้เงินในโครงการเราชนะไปสมคบกับร้านค้า ที่ลงทะเบียนโดยไม่ได้ซื้อสินค้าจริงๆ แล้วรับเป็นเงินสดกลับมา ร้านค้าที่ทำแบบนี้โปรดฟัง

โครงการนี้รัฐบาล ได้อะไร แน่นอนเงินที่โอนไปด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์และประชาชนนำไปใช้ นอกจากจะเกิดการหมุนเวียนแล้ว ยังสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้ว่าเงิน 7000 บาทถูกส่งไปบัญชีใคร และใช้ทำอะไรกันบ้าง นอกจากนั้นรัฐบาลยังได้ข้อมูลร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ สิ่งที่ไม่เคยทำได้มาก่อนตอนนี้สามารถทำได้แล้วคือ นำผู้ค้ารายเล็กรายน้อยเข้าสู่ระบบ 

เมื่อร้านค้าขนาดเล็กเข้าสู่ระบบที่สามารถตรวจสอบการซื้อขายได้ ประโยชน์ต่อมาของร้านขนาดเล็กคือการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ถูกกฏหมายของรัฐบาล ที่หลายคนเคยบ่นว่า พ่อค้าแม่ค้าร้านตลาดไม่มีโอกาศเข้าถึงแหล่งเงินกู้ เพราะสาเหตุจากการที่ร้านค้าขนาดเล็กเงินหมุนเวียนไม่เคยผ่านบัญชีหรือผ่านบัญชีอาจจะมาจากการแต่งบัญชีเพื่อขอกู้เงิน กู้ซื้อบ้าน กู้เพื่อลงทุนเพิ่ม ต่อไปก็จะสามารถที่จะพิจารณาได้ง่ายขึ้น

และแน่นอน เมื่อมีรายได้รัฐบาลก็สามารถที่จะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีเงินได้และประเมินภาษีได้อย่างง่ายดาย เพราะตรวจสอบจากการการซื้อขายสินค้าผ่านทางแอปเป๋าตุง

ดังนั้นหากเป็นการใช้แอปเป๋าตุงในการแปลงการซื้อขายเป็นแลกเปลี่ยนเงินสด และหากมีมากกว่าการซื้อขายจริงการตรวจสอบก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก ดังนั้นหากมีมิจฉาชีพ มาชวนร้านค้าในโครงการกระทำความผิดในรูปแบบสแกนแลกเงิน อย่าเข้าร่วมเด็จขาด ปัญหาจะตามมาอีกมาก รวมถึงการประเมินรายได้ การประเมินภาษี รวมถึง หากมีกิจกรรมส่งเสริมจากรัฐ ร้านค้ามี่มีรายได้เยอะกว่าที่กำหนดอนาคตอาจจะไม่ได้เข้าร่วมโครงการ

พ่อแม่พี่น้องครับ ส้งคมที่เราไม่ใช้เงินสดป้องกันการทุจริตได้ในระดับหนึ่ง สามารถตัดวงจรการกินหัวคิว ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เมื่อปี 58 ชาวสุโขทัยร้องเรียนว่าโดนหักหัวคิวส่วนต่างประกันราคาข้าว 50% เป็นต้น 

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่มี สมาร์ทโฟน แล้วต้องมาต่อคิวลงทะเบียน ผมได้เดินทางลงไปจังหวัดสกลนคร พบว่า ธนาคารกรุงไทยก็ได้ขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมาช่วยรับลงทะเบียน หากในตำบลนั้นต้องเดินทางไกลเพื่อไปลงทะเบียนที่ธนาคาร


 

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ต้องระวังอะไรเมื่อใช้งาน ClubHouse

 สัปดาห์นี้จะไม่พูดถึงแอปพลิเคชั่น Clubhouse ก็ไม่ได้เพราะกำลังเป็นกระแส ที่หลายๆคนพูดถึง แอปนี้อาจจะอยู่ในช่วงจำกัดจำนวนผูใช้งานเฉพาะผู้ที่มี iPhone เท่านั้นและต้องมีคนที่ใช้งานอยู่ก่อนหน้าทำการ Nominate ซึ่งเปรียบเสมือนการเสนอชื่อหรือเป็นการรับรองการใช้งาน ว่าบุคคลนี้มีตัวตนจริง ๆ และ 1 คนสามารถ Invite ต่อไปได้แค่สองคนเท่านั้น

Clubhouse ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคม 2020 โดยผู้ประกอบการใน Silicon Valley Paul Davison และ Rohan Seth ในเดือนพฤษภาคม 2020 มีผู้ใช้เพียง 1,500 ซึ่งเริ่มจากมีการพูดถึงกันอย่างมากในสหรัฐตั้งแต่เดือน กรกฏาคม 2020 

 จากนั้นทั้งสองคนก็ได้ก่อตั้งบริษัท Clubhouse - Alpha Exploration Co. - ได้รับเงินลงทุน 100 ล้านดอลลาร์จาก Andreessen Horowitz นักลงทุนที่ชอบลงทุนกับ Tech Startup อ่านประวัติการลงทุนได้จากลิงค์ใต้บทความ ปัจจุบัน Clubhouse มีผู้ใช้งานประมาณ 600,000 คน เมื่อเทียบกับ  Twitter มีผู้ใช้ 330 ล้านคนและในขณะที่ Facebook มีผู้ใช้ 2.7 พันล้านคน 

สาเหตุที่มีการพูดถึงกันมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะ มีข่าวว่า Elon Musk และ ไปปรากฏอยู่ใน Clubhouse แล้วสร้างห้องสนทนาชื่อ Elon musk on Good Time ทำให้มีการพูดคุยและพูดถึง จนหลายๆคนสนใจจะเข้าไปใช้งาน ซึ่งมีข้อจำกัดกลุ่มละไม่เกิน 5000 คน กลุ่มเมื่อจบแล้วจะไม่เก็บอะไรไว้กลุ่มก็จะหายไป

ช่วงนี้ Elon musk พูออะไรก็เกิดประเด็น เช่นได้ประกาศว่าไปรายงาน ต่อ กลต. ว่าได้นำเงินไปซื้อ บิทคอยน์ เลยทำให้ราคาขึ้นสูงในสัปดาห์ที่ผ่านมา จริงๆ ก่อนหน้า ทวิชถึง DOGE Coin เหรียญ Crypto ที่ราคาไม่กี่สตางค์ ทำให้วิ่งขึ้นไปสูงถึงสองบาท พอรายงาน ต่อ กลต. ว่า บริษัทได้ถือ Bitcoin เลยทำให้เกิด วิพากษ์วิจารณ์

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. Elon Musk ทวิตข้อความบน Twitter ถึง Vladimir Putin ชวนมาพูดคุยกันบนแอปพลิเคชัน Clubhouse แต่ยังไรการตอบกลับ เราจะเห็นว่า Elon Musk ขยับอะไรตอนนี้ก็สร้างความตื่นตัวได้ตลอด

การสร้างกลุ่ม

เป็นการสร้างกลุ่มใช้งานทันทีเราจะเริมที่ปุ่ม Start a room

Clubhouse เป็นห้องสนทนาด้วยเสียง ไม่สามารถเปิดกล้อง ไม่สามารถพิมพ์โต้ตอบได้ ผู้ฟังต้อง แตะรูปมือเพื่อขอพูดคุย ผู้สร้างห้องจะให้การอณุญาต หรือ ไม่ ก็ได้ การเปิด ห้อง มีสามแบบ สำหรับกลุ่มแบบนี้จะเป็นการตั้งกลุ่มเพื่อใช้งานทันที

เปิดกลุ่มแบบ Open เป็นการสร้างกลุ่มเพื่อให้ผู้สนใจทั่วไปเข้ามาฟัง

เปิดกลุ่มแบบ Social เพื่อให้คนที่ Follow เท่านั้นที่เข้ามา

เปิดกลุ่มแบบ Closed สำหรับเลือกคนที่จะคุยด้วยเท่านั้น คนอื่นไม่สามารถเห็นและเข้ามาได้ กลุ่มปิด น่าสนใจที่จะนำมาใช้ในการประชุม 

การเปิดกลุ่มสนทนาสามารถตั้งเวลาล่วงหน้าได้

เลือกที่ปฏิทิน เข้าไปจะเจอรายการที่กำลังจะเกิดขึ้น
ให้ไปต่อโดยแตะเครื่องหมายบวกเพื่อเพิ่มกิจกรรม

ใส่รายละเอียดลงไป และ สามารถแตะเลือก Add a Co-host or Guast ได้อีกด้วย

บรรยากาศของกลุ่มจะเหมือนกำลังฟังรายการวิทยุ ผู้ที่เข้ามาฟัง สามารถมีส่วนร่วมได้ทันทีไม่ต้องพิมพ์ ใครมีทักษะในการจัดวิทยุ หรือ ควบคุมการสัมนา สามารถใช้ประโยชน์ ในการเชื่อมจัดรายการวิทยุ จัดสัมนาแบบเสียง และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมซักถามด้วยเสียงได้

Clubhouse ไม่เหมือน Zoom ที่ถ่ายทอดหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ หรือ เปิดกล้องวีดีโอการใช้ประโยชน์จึงไม่เหมือนกัน

Clubhouse ไม่เหมือน TikTok ที่ต้องโพสต์ไทม์ไลน์ โพสต์วีดีโอ 

เสน่ห์ของ Clubhouse น่าจะมาจากการที่ผู้เข้าร่วมกลุ่มจะมีความรู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดกับบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ามาฟัง และหากเปิดให้สามารถพูดคุยได้หลายคนบอกว่าตรงนี้คือเสน่ห์ ปัจจุบันดารานักแสดง นักการเมือง เข้ามาใช้งานจำนวนมาก แล้ว สำหรับผู้ใช้งาน Android คงต้องรอการพัฒนาสักระยะ

ประโยชน์ในการใช้งานเพื่อธุรกิจ

Clubhouse สามารถนำไปใช้ในการสร้างห้องเรียนออนไลน์แบบเสียง โรงเรียนติวเตอร์ เนื่องจากข้อมูลเป็นเสียงจะใช้ข้อมูลแพคเกจอินเตอร์เน็ตน้อยกว่าข้อมูลแบบวีดีโอมากดังนั้น ในการเรียนออนไลน์หากใช้กลุ่มปิด ของ Clubhouse จะช่วยได้

เราสามารถใช้สร้างห้องสัมนาแบบมีผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการโดยผู้ดำเนินรายการพูดถึงผู้ให้การสนับสนุน เหมือน สมัยก่อนเราได้ยินจากคลืนวิทยุ

อินฟลูเอนเซอร์ (Influencers) สามารถใช้ช่องทางนี้พูดคุยกับแฟนคลับ ได้เนื่องจาก การรวมตัวของผู้คนจำนวนมากไม่เป็นผลดี ต่อการควบคุม COVID-19

ข้อควรระวังในการใช้งาน

การติดตั้ง application ให้เลือกให้ถูกต้องด้วยเพราะมีแอปชื่อเหมือนกันอยู่ด้วยให้ดูที่รูปด้านบนว่าเป็นแอปหน้าตาแบบไหน

ในการติดตั้ง Clubhouse ต้องการเข้าถึงรายชื่อใน Address Book เพื่อจะได้รู้ว่ามีใครใช้งงานบ้างและจะแนะนำให้ใครใช้งานบ้าง 

เนื่องจากการ Invite เป็นการใช้ SMS ค่าบริการ sms ต่างประเทศจะสูงถึงข้อความละ 9 บาทดังนั้นใครใช้ต้องระวังเรื่องค่าบริการด้วยนะครับ

การใช้งานพูดคุยผ่านเสียง ต้องระวังเรื่องการกล่าวพากพิง การพูดเท็จ และการพูดเพื่อให้เกิดความแตกแยก เพราะการพูดด้วยเสียงถึงแม้ว่าจะแอปจะไม่สามารถบันทึกเสียงได้แต่ผู้ฟัง หรือ ผู้ดำเนินรายการของช่อง หรือบุคคลอื่นอาจจะมีการบันทึกเสียงผ่านเครื่องบันทึกเสียง 

การใช้วาจาไม่สุภาพก็เริ่มมีให้เห็นโดยเฉพาะในกลุ่มสังคมดาราพิธีกรมีชื่อเสียงก็ยังคงใช้คำหยาบ ถึงแม้จะเป็นสื่อที่ใครอยากฟังก็เข้ามา  แต่ผู้ดำเนินรายการ และ ผู้ร่วมรายการก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะการพูดออกสื่อแบบนี้จะไม่สามารถ ดูดเสียง ออกไปได้

อ้างอิง

ประวัติการลงทุนของ Andreessen Horowitz https://en.wikipedia.org/wiki/Andreessen_Horowitz


วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

วิธีดูว่า Youtube ของเราสร้างรายได้ ได้หรือยัง

 

เราจะเปิดการสร้างรายได้จาก Youtube ได้อย่างไร ก่อนอื่นเราเข้าเว็บ Youtube.com ก่อน และสังเกตว่าที่หมายเลข 2 ทีผมทำเครื่องหมายเอาไว้ ยังไม่ได้ทำการ SINGIN  ให้ทำการคลิก

จากนั้นเขาก็จะให้เราทำการใส่ email address ที่ใช้สมัคร

ทำการ คลิก Next 
จากนั้นให้ใส่รหัสผ่าน และ คลิก Next เพื่อไปต่อ
เมื่อเข้ามาได้แล้วให้สังเกตที่หมายเลจ 1 จะพบกับ อวตาร หรือรูป Profile ของเราที่ใส่ไว้ ให้เราคลิก จากนั้นจะพบ เมนูตามรูปให้เลือก Youtube Studio


จากนั้นให้คลิก Monetization ก็จะพบว่าช่องของเรายังทำเงินไม่ได้ เพื่อนๆ ลองตรวจสอบดูครับว่าช่องของเราทำเงินได้หรือยัง ซึ่งเขาได้อธิบายไว้ประมาณว่า

"ในการเข้าร่วมโปรแกรมพาร์ทเนอร์ YouTube ช่องของคุณต้องมีชั่วโมงในการรับชมสาธารณะ 4,000 ชั่วโมงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาและผู้ติดตาม 1,000 ช่องของคุณจะได้รับการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามนั้น"



ปกป้องความเป็นส่วนตัวสำหรับนักท่องเว็บ ด้วย DuckDuckGO

สืบเนื่องมาจากสัปดาห์ที่แล้วที่ได้พูดถึงมาตรการต่างๆผู้ใช้ ios จะได้จากApple ก็มีหลายคนถามว่าแล้วคนใช้งาน Android จะปกป้องความเป็นส่วนตัวได้อย่างไรเมื่อต้อง ท่องเว็บไซต์ต่าง ๆ ผมก็นึกออกมาว่ามันมี Browser สำหรับผู้ใช้งานทั้ง Android และ ios ซึ่งสามารถปิดกันการส่งข้อมูลกลับไป นั่นก็คือ Duck Duck go


DuckDuckGo เป็นแอปพลิเคชั่น ที่นำมาใช้แทน opera, firefox,  chrome เพื่อให้เราสามารถอ่านเนื้อหาข่าวต่างๆผ่านเว็บไซต์ ข้อดีของ DuckDuckGo จะบอกให้เรารู้ว่าเว็บที่เราไปนั้น ทำการวิเคราะห์ข้อมูลอะไรบ้าง ผมยกตัวอย่าง การเข้าไปเว็บสำนักข่าวไทยรัฐ ด้วย DuckDuckGo

 
ให้ทำการแตะที่ B+ ซึ่งหมายถึงระดับความปลอดภัยเมื่อแตะที่ วงกลมสีแดงตามรูปเราก็จะเห็น


การติดตามที่ DuckDuckGo ทำการ Block ไม่ให้ส่งข้อมูล สำหรับกุญแจ คือ มีการเข้ารหัสข้อมูลเมื่อมีการ กรอกข้อมูลสมัครสมาชิกต่างๆ และเมื่อแตะไปที่วงกลมสีแดง
เราจะพบว่ามีการส่งข้อมูลกลับไปสี่ที่ด้วยกัน แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจว่ามีส่งกลับไปหา Mail RU ของรัฐเซียด้วย ดังนั้น DuckDuckGo ช่วยทำให้เจ้าของเว็บตรวจสอบเว็บของตัวเองได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นนอกเหนือจากการบันทึกสถิติปกติหรือไม่

ดังนั้นเมื่อเราเข้าเว็บด้วย DuckDuckGo ก็จะช่วยให้เราสบายใจระดับหนึ่งว่าเว็บที่เราเข้าไปไม่ได้มี การฝังสิ่งไม่ปลอดภัย และเรายังสามารถ รายงานกลับไปให้ DuckDuckGo ได้

ปกติแล้วเว็บไซต์จะมีการบันทึกสถิติกลับไปหา Google Analytic เพื่อวิเคราะห์เนื้อหาว่าคนที่เข้าเว็บเรานั้นเข้ามาอ่านเรื่องอะไร ใช้เวลาอยู่ที่หน้าเว็บกี่นาที และ ระบุตำแหน่งที่มากว้างๆได้ว่ามาจากส่วนไหนของประเทศ ใช้อุปกรณ์อะไรเข้ามา เจ้าของเว็บก็มักจะเอาข้อมูลเหล่านี้ไป สร้างเนื้อหาตามความชอบของผู้ที่เข้ามาชม แต่จะไม่สามารถรู้ว่าคนนั้นชื่ออะไร เพศอะไร

บางเว็บไม่ได้มีแค่ Google Analytic อาจจะมี Facebook Analytic มาติด Facebook ก็ได้ข้อมูลกลับไปวิเคราะห์เช่นกัน และ บางเว็บก็มีโฆษณามาแปะจาก Agency ต่างๆ เพื่อจะได้วิเคราะห์ว่าจำนวนผู้เข้าชมมีจำนวนเท่าไหร่ในแต่ละวันแล้วเข้ามาอ่านอะไรกันบ้าง เพื่อนำมาใช้ในการซื้อโฆษณา ตรงมาถึงเจ้าของเว็บ

การวิเคราะห์ข้อมูลของ Google ทำให้มีผลต่อการโฆษณา มีผล กับ ผลการสืบค้นจาก Google Search เพราะGoogleจะให้น้ำหนักกับเว็บที่ซื้อโฆษณา จะค้นพบเป็นอันดับต้นๆ ทำให้เว็บที่มีเนื้อหาดี ๆ ไป อยู่อันดับท้าย ๆ ค้นหาเว็บเนื้อหาดี ๆ ไม่ค่อยเจอ และ เรามักจะเจอเว็บที่มีการเขียนเนื้อหาไม่มีคุณภาพ ใช้คำ สืบค้นฟุ้มเฟือยเพื่อให้ Bot ของ Google จัดอันดับอยู่เป็นเนื้อหาลำดับแรกๆ พอคลิกเข้าไปอ่าน เนื้อหาจริง มีนิดเดียว

การใช้ DuckDuckGo สำหรับผู้ที่ใช้ DeskTop ต้องติดตั้ง Extension ให้กับ Google Chrome ดังนี้ เข้า https://duckduckgo/app

เลือกติดตั้ง ให้ Chrome App

เมื่อทำการสืบค้นเราจะไม่พบโฆษณา และเมื่อเข้าเว็บก็จะมีการรายงานว่าเว็บนี้ติดตามอะไรเราบ้าง

การใช้ DuckDuckGo นอกจากจะช่วยผู้ใช้งานทั่วไปว่าไม่ได้เก็บพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์แล้ว นักการตลาดก็มีโอกาศที่จะรู้ว่าคู่แข่งของเราเขาเก็บข้อมูลอะไรไปวิเคราะห์บ้างและรู้ว่าเว็บไซต์ไม่ได้มี malware แปลกปลอมเข้ามาแอบฝังในเว็บเราอีกด้วย

เมื่อทุกคนมีความเข้าใจมากขึ้น และใช้กันมากขึ้น Google และ Facebook ก็จะวิเคราะห์ข้อมูลยากขึ้น นักการตลาดคงไม่ค่อยชอบอย่างแน่นอนเพราะผู้คนในปัจจุบันกำลังมองหาเนื้อหาและข้อมูลที่สนใจวิธีจัดอันดับการสืบค้นที่ดี

การระบาดของ Covid-19 ทำให้ข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของเราลดน้อยลงไปมาก เมื่อเราต้องรับสวัสดิการจากรัฐ เช่น เข้าโครงการ คนละครึ่ง เข้าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ตลอดจนมาถึงโครงการ เราชนะ ทำให้เห็นว่ารัฐบาลเข้าถึงข้อมูลของเรา เพราะตั้งแต่เราเข้าโครงการ เขาก็บอกแล้วว่าจะขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อควาสะดวกในการพิจารณาดังนั้น รู้เลยว่าใครมีเงินฝากเกิน ห้าแสน  

AI-MASK ที่ใช้กล่องวงจรปิดวิเคราะห์ปริมาณผู้ไม่สวมหน้ากากอนามัยที่เปิดเผยกันไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ทุกแยกทุกซอย สอดส่อง การกระทำต่างๆ การสูญเสียความเป็นส่วนตัวในบางครั้ง เราก็จะเห็นถึงข้อดีหากนำมาใช้ตรวจจับผู้กระทำผิดกฏหมาย

สำคัญมาก ข้อมูลที่เราควรจะป้องกันคือข้อมูลบนบัตรประชาชน เพราะสามารถ นำไปเช็ค หรือ ลงทะเบียน SIM จากนั้นไปลงทะเบียนขอรับสวัสดิ์การได้ตามที่เป็นข่าว สัปดาห์นี้ใครจองหุ้น IPO ของ OR เอาไว้แค่มีเลขบัตรประชาชนก็สามารถตรวจสอบได้เลยว่าได้รับการจัดสรร หุ้นเป็นจำนวนเท่าไหร่ จริงๆแล้ว ควรจะแจ้งไปทาง e-mail ซึ่งจะปลอดภัยกว่า อยากให้ทุกหน่วยงานคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มากๆเพราะข้อมูลบัตรประชาชนหาได้ไม่ยาก

สรุปว่า
DuckDuckGO เป็นทั้ง Search engine และปัจจุบัน มี web Browser สำหรับ ติดตั้งใน Mobile Application ประวัติของ DuckDuckGO โดยชื่อนี้มาจากการละเล่นของเด็กชื่อ Duck Duck Goose (เป็ด เป็ด ห่าน) DuckDuckGo (หรือย่อว่าDDG ) เป็นเครื่องมือค้นหาทางอินเทอร์เน็ตที่เน้นการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ค้นหา และหลีกเลี่ยงการค้นหาที่ศึกษาพฤติกรรมของผู้สืบค้นดังนั้น การค้นหาคำๆเดียวกัน ทุกคนก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน บริษัท ตั้งอยู่ใน  Paoli, Pennsylvania,  Greater Philadelphia ปัจจุบัน มีพนักงาน 124 คน ณ มกราคม 2021 ผู้ก่อตั้งโดย  Gabriel Weinberg  อ่านประวัติ ต่างๆ และ การลงทุนได้ทาง https://en.wikipedia.org/wiki/DuckDuckGo


วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Facebook เจอศึกรอบด้าน

เมื่อวันพุธที่ 27 มกราคม Facebook ได้ออกโฆษณาแบบเต็มหน้าในหนังสือพิมพ์ The wall Street Jornal โดยระบุว่าการที่ Apple จะมีการเปลี่ยนแปลง การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถบล๊อกการติดโฆษณานั้นได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจขนาดเล็ก  การโฆษณาของเฟสบุ๊คที่เป็นสื่อดิจิทัลซื้อหน้าข่าวลงในหนังสือพิมพ์ และ บ่นเกี่ยวกับการตายของสื่อดิจิทัลที่กำลังจะมาถึง 


โฆษณาของเฟสบุค กล่าวอีกว่า หลายคนในชุมชนธุรกิจขนาดเล็กได้แบ่งปันความกังวลเกี่ยวกับการอัพเดทซอฟต์แวร์ของแอปเปิ้ลจะจำกัดความสามารถของธุรกิจในการแสดงโฆษณาที่ปรับเปลี่นนและเข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

หลังจากที่ Facebook ลงโษณา วันต่อมา Tim cook CEO ของ Apple ได้ไปกล่าว สุนทรพจน์ในงาน Data Privacy Day ที่ Brussels (งานนี้จัดทุกวันที่ 28 มกราคม ทุกปี) Tim Cook แสดงความไม่พอใจ Mark Zuckerberg เป็นการตอบโต้ จากการที่ Facebook ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ โจมตีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ความเป็นส่วนตัวใหม่ของ Apple ที่จะออกมาใช้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้

ทำไมเฟสบุ๊คเดือดร้อนมากเพราะเฟสบุคได้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เฟสบุค ยิ่งรวบรวมข้อมูลได้มากเท่าไหร่ก็จะสามารถขายโฆษณาได้ตรงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Tim Cookได้ กล่าวว่า การที่ นำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์ พวกเขาไม่ได้มองเราเป็นลูกค้าแต่มองเราเป็นสินค้า ในงานนี้ Tim Cook ไม่ได้เอ่ยชื่อถึงเฟสบุคแต่ คนฟังก็นึกออกว่ากำลังหมายถึงใคร

"เทคโนโลยีไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมาก เชื่อมโยงกันทั้งเว็บไซต์และแอปมากมายเพื่อความสำเร็จ  การโฆษณาและเติบโต"

สรุปมาบางส่วนนะครับว่าเราไม่ควรมองข้ามภาพรวม ที่ผ่านมามีการบิดเบือนข้อมูล ทฤษฎีสมคบคิด และ อัลกอลิทึมของการ จากการรวบรวมข้อมูล ผลของการจัดลำดับความสำคัญ การยั่วยุให้เกิดความรุนแรง 

ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ใช้งานทั่วไปน่าจะดีขึ้นจากการรบกวนของโฆษณาแต่ผู้ซื้อโฆษณาอาจจะหากลุ่มเป้าหมายยากขึ้น

ออสเตรเลียอาจจะไม่มี Facebook และ Google

การขายโฆษณาของสื่อดิจิทัล ได้รับผลกระทบ ตั้งแต่ Facebook และ Google มีอิทธิพลในการตัดสินใจของการซื้อสื่อ ทำให้รัฐบาลออสเตรเลีย จะออกกฏหมาย Media Code ซึ่งจะมีผลกระทบกับ Facebook และ Google หากสภาลงมิตผ่านร่างกฏหมายสื่อ ซึ่งเนื้อหากำหนดให้บริษัทแพลตฟอร์มดิจิทัล ต้องจ่ายค่าทำข่าว ให้แก่บริษัทสื่อที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม ก็มีประเด็นว่า Google ขู่ว่าจะเอาบริการค้นหาออก หากรัฐบาลผ่านกฏหมายจ่ายเงินให้สำนักข่าวจากการแสดงเนื้อหาข่าวบนแพลตฟอร์ม ล่าสุด Google จึงตัดสินใจ ระงับการเปิดบริการข่าวใหม่ News Showcase ที่ออสเตรเลียไปก่อน เพราะไม่แน่ใจว่า News Showcase จะสามารถดำเนินการภายใต้กฎใหม่ของออสเตรเลียได้หรือไม่

ลำพังมีแต่แพลตฟอร์ม ก็จะไม่มีข่าวหรือเนื้อหาต่าง ๆ ให้ชุมชนที่เข้ามาได้อ่าน หากกฏหมายฉบับนี้ผ่าน การแชร์ข่าวสารต่างๆของสื่อและคนทั่วไปจะทำไม่ได้

ความไม่เป็นธรรมที่ว่านี้เกิดจากปัจจุบันคนส่วนใหญ่นำข่าวไปแชร์กันในโซเชียลมีเดียทำให้การโฆษณาแทนที่จะมาอยู่ที่สำนักข่าวกลับกลายเป็นว่าโฆษณาไปอยู่กับแพลตฟอร์ม 

เรื่องนี้ลึกซึ้งคนทำสิ่งพิมพ์จะเข้าใจเรื่องนี้ดีเพราะปัจจุบันการลงโฆษณาผ่านทางสำนักพิพม์ลดน้อยลงไปมากแต่ไปเติบโตในแพลตฟอร์ม เพราะแพลตฟอร์ม เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล และ สามารถปรับเปลี่ยนโฆษณาให้เข้าถึงกลุ่มคนได้แม่นยำ แต่คนทำข่าวทำสื่อกลับไม่สามารถแข่งขั้นกับเรื่องนี้ได้

รัฐบาลออสเตรเลียได้ร้องขอให้สำนักงานขณะกรรมการแข่งขันทางการค้าและคุ้มครองผู้บริโภคออสเตรเลีย(Australian Competition and Consumer Commission) หรือ ACCC เข้าเจรจากับ Facewbook และ Google และ ธุรกิจสื่อต่าง ๆ ใน ออสเตรเลีย เพื่อร่วมกันสร้างหลักเกณฑ์การกำกับดูแลในการจัดการอำนาจต่อรองที่ไม่สมดุล

กฏหมายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างเสริมอำนาจการต่อรองธุรกิจสื่อ โดยบังคับให้ดิจิทัลแพลตฟอร์มต้องจ่ายค่าตอบแทนให้แก่บริษัทสื่อ และเรียกร้องให้เปิดเผยมาตรฐานขั้นต่ำ

1.หากมีการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึ่มในการจัดอันดับและการแสดงผลข่าวจะต้องมีการแจ้งล่วงหน้า

2. มีการรับรู้ความเป็นต้นแบบของเนื้อข่าว และ

3.ต้องมีการแจ้งว่า Google และ Facebook มีการเก็บข้อมูลผ่านปฏิสัมพันธของผู้เกี่ยวข้องในเวลาไหนอย่างไร

แต่ธุรกิจสื่อตามความหมายของร่างกฏหมายดังกล่าว จะต้องมุ่งผลิตผลงานการทำเสนอข่าวออนไลน์เป็นหลัก มีการยึดถือมาตรฐานบรรณาธิการแบบมืออาชีพ มีอิสระในการเลือกประเด็นที่จะนำเสนอข่าว ตลอดจนต้องมีกำไรไม่ต่ำกว่า 150,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี 

อ้างอิง

เนื้อหาที่ Tim Cook กล่าว https://www.inc.com/justin-bariso/tim-cook-may-have-just-ended-facebook.html

Facebook ประกาศสงครามกับApple https://www.inc.com/justin-bariso/facebook-declared-war-on-apple-it-just-may-signal-end-of-facebook.html

 เฟสบุคเตรียมบล๊อกไม่ให้แชรืข่าว https://positioningmag.com/1294872

นโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปเปิ้ล https://www.apple.com/th/privacy/features/