สัปดาห์นี้มีข่าวเรื่องของ การเก็บภาษี e-Service ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เดือนกันยายน 2564 ซึ่งกฏหมายฉบับนี้มีการแก้ไขเพิ่มเติมไปแล้วเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ภาษี e-Service คือ วิธีการจัดเก็บ VAT จากผู้ให้บริการต่างประเทศ และแพลตฟอร์มต่างประเทศที่ให้บริการทาง Online แก่ผู้ใช้บริการในประเทศไทย ที่มีรายได้จากการให้บริการเกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี โดยให้อำนาจกรมสรรพากรเป็นผู้จัดเก็บ ในอัตรา 7% ต่อปี ซึ่งให้เสียภาษีจาก “ภาษีขาย” โดยไม่ให้นำภาษีซื้อมาหัก
โดยการแก้ไขเพิ่มเติม ได้นิยาม ศัพท์ คำว่าสินค้าเป็นดังนี้
สินค้าคือ "ทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อขาย เพื่อใช้ หรือเพื่อการใดๆ และให้หมายความรวมถึงสิ่งของทุกชนิดที่นำเข้า แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด"
และได้แยกออกเป็น “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” และ “อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม”
“บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า บริการซึ่งรวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด ซึ่งลักษณะของบริการ เป็นไปโดยอัตโนมัติในสาระสำคัญ โดยบริการดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้หากปราศจากเทคโนโลยีสารสนเทศ
“อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม” หมายความว่า ตลาด ช่องทาง หรือกระบวนการอื่นใด ที่ผู้ให้บริการหลายรายใช้ในการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้รับบริการ”
ดังนั้นถ้าตีความออกมาแล้วบริการของ Google และ บริการ ของ Facebook ก็จะเข้าข่าย อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม แต่ปัจจุบันบริการต่างๆ มีเยอะมาก เช่น Netflix, App Store ของ Apple, Microsoft Office365 Adobe Creative Clound, Amazon Web Services
ปัจจุบันบริษัทเอกชนที่ใช้บริการ แพลตฟอร์มต่างๆ เหล่านี้จ่ายค่าบริการออกไปก็นำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ เพื่อนำไปบันทึกบัญชีปลายปีได้แค่นั้น แต่ไม่สามารถนำไปหักเป็นภาษีซื้อได้
คำถามตามมา กรณีบริการเหล่านั้นไม่ได้จดทะเบียนกับกรมธุรกิจการค้าไทย กรมสรรพากร จะตามเก็บภาษีได้อย่างไร ?
ข่าวจาก(กรุงเทพธุรกิจ) การบังคับใช้กฎหมาย ทำได้หรือไม่ อย่างไร
1. สามารถใช้กลไกการตรวจสอบโดยการเชิญพบ หรือออกหมายไปยังผู้ประกอบการเพื่อตรวจสอบและประเมินเรียกเก็บภาษี
2. การออกหมายเรียกพยานผู้เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อขอข้อมูลการทำธุรกรรมผ่านสถาบันการเงิน มาใช้ประกอบการตรวจสอบและประเมินเรียกเก็บภาษี
3. การแสดงรายชื่อของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ทำให้ผู้ใช้บริการหรือผู้ประกอบการต่างประเทศตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนได้ ซึ่งเป็นวิธีที่นานาประเทศใช้ ซึ่งจะก่อให้เกิดมาตรการลงโทษทางสังคม (Social Sanction) แก่ผู้ประกอบการที่ไม่ยอมจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
สุดท้ายภาระภาษีก็ตกอยู่กับผู้ใช้บริการ เราก็มาดูกันหลังจากนี้ว่าจะมีบริการใดผลักภาระภาษีมาให้ผู้ใช้บริการบ้าง
มาดูรายได้ย้อนหลังของ Facebook และ Google กันครับว่าเป็นอย่างไร
และรายได้ของ Facebook ในประเทศไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น