วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2564

9 เทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตในปี 2021

 ปี 2021 เป็นปีที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล หลายเรื่อง ซึ่งช่วงต้นปีแบบนี้เราก็จะมาเดากันก่อนว่าน่าจะมีอะไรที่เปลี่ยนได้ เช่น เปลี่ยนการใช้ชีวิต และอุปกรณ์ที่จะเข้ามาทำให้เราอาจจะต้องลงทุนซื้อกันใหม่ และเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี โทรศัพท์มือถือ ก็น่าจะมีกล้องที่ดีขึ้น แอปพลิเคชั่น ไทยชนะ อย่างเดียวเอาไม่อยู่แล้ว ต้องติดตตั้ง แอปหมอชนะ ของ สำนักงานรับบาลอิเล็กทรอนิกส์หรือ DGA ที่จะสรุปความเสียงของเราให้ว่าเรามีความเสียงมากน้อยแค่ไหน และสามารถส่อง qr-code ของเพื่อนเพื่อตรวจสอบความเสียงของเพื่อได้ด้วย

1.คอมพิวเตอร์ที่จะเปลี่ยนมาใช้ ชิฟหรือ CPU ที่ไม่ได้มาจาก Intel ซึ่งก่อนหน้านี้ Apple ได้เปิดตัวชิฟ M1 จากค่าย ARM ที่ทำให้ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยเหมือนเครื่องโทรศัพท์มือถือและไม่ต้องมีพัดลมระบายความร้อน ไม่เพียงแค่ Apple ที่เปลี่ยน Lenovo , Acer , Microsoft ก็กำลังจะออก คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป ที่ใช้ชิฟจาก Qualcomm ที่นิยมใช้กันในโทรศัพท์มือถือ Android ส่วน Apple เองมีแผนจะเปลี่ยนให้ครบทั้งหมดภายในปี 2565

2. ภาพยนต์ ที่จะมีฉายพร้อมๆกันในแอปพลิเคชั่น เพราะสาเหตุโรงภาพยนตืปิดให้บริการ และในประเทศไทย ดิสนีย์เองก็กำลัง จะเปิดให้บริการ Disney plus ในราคาเดือนละ 250 บาท ปัจจุบันมีภาพยนต์จากหลายค่าย เช่น HBO max และภายในปีนี้ Warner Media ก็จะให้บริการ

3. เทคโนโลยีที่ต้องสมัครสมาชิก อาจจะ ทำให้เราต้อง เสียเงินมากขึ้น หรือ อาจจะต้องงดรับบริการบางอย่างออกไปบ้าง เช่นค่าสมัคร Netflix , ค่าเช่าพื้นที่เก็บข้อมูลใน internet เช่นปลายปี Google Photo .ให้บริการเก็บรูปถ่าย ประกาศจะไม่ให้บริการฟรีอีกต่อไป  และ YouTube TV จะเพิ่มแพคเกจคล้ายกับเคเบิลทีวี ค่าบริการสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย Apple เตรียมออกแอปพลิเคชั่นออกกำลังกายมาเก็บค่าสมาชิก หลายคนอาจจะไม่ได้เสียชีวิตจาก covid แต่ออาจจะมาจากค่าสมาชิกต่างๆ

4. เรื่องของสุขภาพ และการไปพบหมอ ก็เปลี่ยนไป เมื่อทุกคนอยู่บ้านการออกกกำลังกายกับแอปพลิเคชั่น ออกกำลังกายมีการดาว์นโหลด เพิ่มขึ้น 46% ทั่วโลก เมื่อต้นปี 2020 ข้อมูลเปิดเผยโดยบริษัทวิจัยตลาด MoEngage  อุปกรณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นของฟุ่มเฟือย ที่อเมริกา บริษัทที่ผลิตจักรยานอัจฉริยะ ลู่วิ่งไฟฟ้า มียอดขายเพิ่มขึ้นสามเท่าตัว 

คุณหมอที่โรงพยาบาลเอกชนใช้โทรศัพท์มือถือสัมภาษณ์อาการของคนไข้ประจำตัว ผ่าน zoom , FaceTime, Skype โดยไม่ต้องเดินทางมาพบแพทย์และจ่ายยาด้วยวิธีการส่งไปรษณีย์ จะเรียกว่าเป็น telemedicine ก็ได้ ดังนั้นเครื่องวัดความดันส่วนตัว เครื่องตรวจเบาหวานด้วยตัวเองปีนี้น่าจะขายดีขึ้น

5. รถยนต์ไฟฟ้า มาแล้ว เมื่องาน Motor Expo ที่ผ่านมาเกือบทุกค่ายรถยนต์ ทังรถญี่ปุน และ ยุโรป นำเอา รถยนต์ไฟฟ้า ออกมาขาย ทำให้ปีนี้ 2021 จะมีรถยนต์ไฟฟ้าออกมาวิ่งกันแล้ว และรถยนต์ประเภท Plugin Hybridge ที่ใช้ได้ทั้ง ไฟฟ้าและน้ำมันทำให้ประหยัดนำมันสุงถึง 60 กิโมเมตร ต่อ ลิตร  ถึงไม่มีปั๊มให้ชารต์แบต แต่ทุกค่ายมีอะแดปเตอร์ มาให้ด้วย หรือ ข่ายชุด ชาร์ตแบบเร็ว ให้กับลูกค้าที่ซื้อรถ

6. อีคอมเมิร์ซ ปีนี้น่าจะเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาอีกอย่างมาก เพราะเริมต้นปี ทุกคนต้อง ล๊อกดาว์นตัวเอง เก็บตัวอยู่บ้าน รายได้หาย หลายคนหันมาขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์และซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ รวมไปถึง การใช้แอป ส่งอาหารที่เติบโตมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่ ก็มีข่าวตั้งแต่เดือน มกราคมของปี ว่า ซัมซุง pay จะไม่ให้บริการอีกต่อไปหลังปี 2021 อาจจะเป็นเพราะมีสมาชิกใช้บริการน้อยเกินไป

7. การทำงานที่บ้านหรือ WFH กลับมาแล้วซึ่งปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นการซ้อมทำงานที่บ้าน หลายบริษัท ลดพื้นที่ในการทำงานลง และมีการประเมินกันว่ามีประสิทธิภาพ พนักงานมีความสุขมากขึ้น บริษัทประหยัดเงินมากขึ้น การประชุมที่ไม่มีกาแฟหรือขนมอร่อยไม่เป็นอุปสรรค์ เพราะสามารถสั่งแล้วส่งไปให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ ดังนั้นเรื่องความไม่น่าเชื่อถือว่าพนักงานทำงานที่บ้านแล้วจะได้ทำงานหรือไม่นั้น ผ่านการพิสูจน์มาหลายบริษัทแล้วว่าดีกว่า แต่ จะไม่ดีก็ตรงที่ โรงเรียนปิดการเรียนการสอน ทำให้ต้องดูแลบุตรหลานด้วย

8. แว่นตาอัฉริยะ ต้องมาลุ่นกันว่าปีนี้ค่ายใหญๆอย่าง Google, Apple จะออกมาวางขายหรือไม่ แต่มีข่าวหลุดว่า Facebook และ Ray Bans จะออกมาขายแน่นอนในปีนี้ซึ่งก็ต้องติดตาม แว่นตาที่จะแสดงภาพ ข้อความออกมา เพราะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการประชุมทางไกลก็เตรียมเข็นอปพลิเคชั่นออกมา ซึ่งปี2020 ที่ผ่านมา Facebook เตรียมที่จะออกแว่น AR ซึ่งก็น่าจะเลื่อนมาเป็นปีนนี้ และ บริษัทอย่างไมโครซอฟต์ก็เตรียมตัวออกมาเหมือนกัน

9. Crypto Currency หรือ Digital Currency จะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการโอนเงินข้ามประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ให้กับคนกลาง และมีความเร็วในการโอนเงิน เพราะในปีนี้มีหลายบริษัทรับชำระเงินด้วย บิทคอย์น์ เช่นไมโครซอฟต์ เริ่มตั้งแต่การเพิ่มขึ้นอย่างช้า ตั้งแต่ต้นปี ที่บิทคอยน์ละสามแสน ส่งท้ายปี 2020 ราคาของบิทคอยน์ก็วิ่งขึ้นมา แตะที่หนึ่งล้านบาท สร้างความสนใจให้กับนักคอมพิวเตอร์ที่มีบิทคอย์ไว้ในมือ บางคนได้มาจากการทำเหมืองบิทคอย์ที่ใช้พลังของ CPU และ GPU หรือ บางคนก็ซื้อเก็บไว้ การที่ราคาค่อย ๆ เพิ่มขึ้นไปกระแสข่าวมาจาก การที่มีนักลงทุนสถาบัน เข้าไปซื้อ บิทคอยน์เพราะมีความไม่เชื่อมั่นในเงิน ดอลล่า รวมทั้ง อเมริกา มี ก.ล.ต เข้ามากำกับดูแล บริษัทแลกเปลี่ยนซื้อขายบิทคอยน์ ญีปุน ก็มีแล้ว และไทยเองก็ถูกกฏหมายแล้วมี ก.ล.ต กำกับดูแล ออกใบอนุญาต 

จีนเริ่มใช้ดิจิตอลหยวนแล้วโดย JD.com แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน เป็นผู้ค้าปลีกรายแรกเริ่มให้งานเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น crypto curency ปีนี้น่าจับตามองครับ  

ไม่มีความคิดเห็น: