วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561

5G มาแน่ จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

ไม่ต้องคาดเดาครับว่าความเร็วของอินเตอร์เน็ตที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือนั้นจะก้าวเข้าสู่ยุค 5G อย่างแน่นอน ความเร็วที่มากขึ้น เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี 4G จะทำให้การโอนถ่ายข้อมูลมีความเร็วอย่างน้อย 1 Gbps (กิกะบิตเปอร์เซค)แต่ 5G มีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดที่ 20 Gbps และมีความหน่วงเวลาที่น้อยกว่า 10 มิลลิวินาที

การมี 5G จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมหลายด้านเพราะบริการใหม่ที่อยู่ในระบบคลาวจะทำให้เกิดสิ่งที่ในอดีตนั้นทำไม่ได้  เช่นการเรนเดอร์ภาพแล้วส่งกลับมาทางผู้ใช้ ก็จะทำได้แบบเรียวไทม์ และคาดการณ์กันว่าในยุค 5G แอพพลิเคชั่นต่างๆจะอยู่บนคลาวเกือบทั้งหมดแทบจะไม่ต้องติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์

การเติบ การเติบโตของอินเตอร์เน็ตอ๊อฟติง (Iot) จะชัดเจนมาก จะเห็นแอพพลิเคชั่นบางอย่างที่เคยสั่งการจากภายนอกและเปิดปิดอุปกรณ์ภายในบ้านจะไม่หน่วงเวลา ซึ่งปัจจุบันยังมีความหน่วงเวลาอยู่ตามความเร็วของเครือข่าย เมืออัตราการหน่วงเวลานั้นเพียงแค่ 0.5 มิลลิวินาที  การสั่ง การสั่งเปิดปิดไฟจะใช้เวลาในลักษณะเรียวไทม์

ในโรงงานอุสาหกรรม ที่มีการใช้หุ่นยนต์จะสามารถเชื่อมต่อกันบนคลาวน์จะเป็นแบบเรียวไทม์ก็จะทำให้สำนักงานใหญ่ที่อยู่ในต่างประเทศสามารถตรวจสอบระบบงานและวัดประสิทธิภาพของการผลิตในโรงงานได้แบบเรียวไทม์  สามารถควบคุมการผลิตและอัพเกรดซอฟต์แวร์ได้รวดเร็ว

รถยนต์ก็จะมีปกรณ์เซ็นเซอร์เชื่อมต่อกับคราวด์ เพื่อการควบคุม และสื่อสาร นั่หมายความว่ารถยนต์ไร้คนขับก็จะเป็นจริงมากยิ่งขึ้น อุปกรณ์ GPS สำหรับรถยนต์จะเชื่อมต่อคราว์ดและประมวลผลเลือกเส้นทางที่เหมาะสม

อุปกรณ์ประเภทกล้อง CCTV ซึ่งปัจจุบันการเชื่อมต่อเพื่อให้ได้ภาพความคมชัดสูงยังคงต้องพึ่งพาสายเคเบิล แต่ต่อไปในอนาคต กล่องวงจรปิดตามท้องถนน ก็จะเชื่อมต่อเข้ากับระบบ Smart ซิตี้ผ่านระบบไร้สายส่งข้อมูลอย่างรวดเร็วทำให้กล้องซีซีทีวีนั้นจะติดตั้งเข้าไปถึงในซอยหรือได้บริเวณครอบคุมมากขึ้นได้ หรือที่เข้าถึงได้ยากเพราะไม่ต้องเดินสายไกล

เมื่อพูดถึง Iot อุปกรณ์เซ็นเซอร์เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตจะเยอะมากที่คาดการณ์กันว่าการส่งข้อมูลจะเป็นแบบสตรีม ไม่ต้องแบ่งเป็นส่ง 10 วินาทีครั้งซึ่งเราจะเรียกว่า Edge computing จะทำงานร่วมกับ คราว์ด Big data และ AI จะ

เราจะได้เห็น เราจะได้เห็นคนใช้แว่น AR มากขึ้นเนื่องจากว่าเขาสามารถที่จะประมวลผลรูปภาพส่งมาแสดงที่แว่นได้อย่างรวดเร็วซึ่งการประมวลผลแบบเรียวไทม์จะถูกนำมาเชื่อมต่อกับการวิเคราะห์ข้อมูลหรือร่วมกับหุ่นยนต์ จะทำให้ผู้ใช้งานนั้นมีความราบรื่นมากขึ้น

ยกตัวอย่างบริษัทLockheed Martin มีการใช้เออาร์เพื่อสร้างเครื่องบินเจ็ตเอฟสามห้า ด้วยการแสดงผลบนแว่นที่คนงานสวมใส่ทำให้เห็นได้ว่าแต่ละชิ้นส่วนควรวางลงในตำแหน่งใดทำให้เพิ่มผลผลิตได้ถึง 30% เพิ่มความแม่นยำขึ้นถึง 96%

เท่าที่กล่าวมาจะเห็นว่า 5G มนุษย์จะทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ในโรงงานอุตสากรรมเพราะว่าเครื่องจักรก็จะสื่อสารกับเครื่องจักรด้วยกันเองอย่างรวดเร็วและเครื่องจักรก็จะส่งข้อมูลมายังมนุษย์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกันและประมวลผลร่วมกับ ปัญญาประดิฐษ์มากขึ้น

เครืองโทรศัพท์คงต้องเปลี่ยน สำหรับมือถือที่รองรับ 4.5G แล้วเช่น iPhone 6s / 6s Plus ขึ้นไป, Huawei Mate 8 ขึ้นไป, Samsung Galaxy S6 ขึ้นไป, LG G4 ขึ้นไป และ HTC One 9 ขึ้นไป

แหล่งที่มา จากรายงานของ พันเอก ดร. เศรษฐพงค์  มะลิสุวรรณ สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่ http://www.nbtc.go.th/News/Information/32534.aspx


ไม่มีความคิดเห็น: