3 สงคราม เทคโนโลยี
วันนี้วันที่ 30 มิถุนายน Disney เปิดตัว Disney+Hotstar ในประเทศไทย การเปิดตัวครั้งนี้ทำให้เด็กๆใจจดจ่อ เพราะจะได้ดูการ์ตูน ที่พวกเขาชื่นชอบหรืออาจจะได้ดูซีรีย์ใหม่โลกิ แห่ง แอสการ์ด ซีรี่ย์ใหม่ ที่จะมาเข้าฉายในช่อง ดิสนีย์ เนื่องจากค่าย Marvel ทาง Disney ทำการซื้อกิจการไว้เป็นที่เรียบร้อย หลายปี ดังนั้นใครที่ชื่นชอบ ซีรีย์และการ์ตูนของ Marvel คงจะได้ชมกัน รวมถึง ภาพยนต์ที่เข้าฉายในโรงภาพยนต์ที่เราไม่สามารถดูได้เนื่องจาก สถานการณ์ โรคระบาด ที่สำคัญล่าสุดดิสนีย์ได้ซื้อกิจการของ Lucasfilm จากจอร์จลูคัสที่เป็นผู้ก่อตั้ง ซึ่งมี ลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ Star Wars มูลค่า 4.1 พันล้านดอลลาร์ สำหรับสงคราม Streaming ในเมืองไทย การเปิดตัวของ Disney+Hotstar ในครั้งนี้ค่าสมาชิก ปีละ 799 บาท
นอกจากภาพยนตร์ Star Wars แล้ว Disney ยังได้ Star Wars Land ทั้งสอง แห่งที่กำลังก่อสร้าง เป็นสวนสนุกในแคลิฟอร์เนียและฟลอริดารายการ TV Star Wars ไปด้วย
งานนี้เล่นเอา netflix ในต่างประเทศก็งัดไม้เด็ด เซ็นสัญญากับ สตีเวน สปิลเบิร์ก ที่จะสร้างภาพยนต์ 2 เรื่อง ต่อปี หลายคนบอกว่าดีลครั้งนี้ พลิกโฉมวงการฮอลลีวู้ด เพราะว่า สตีเวน เคยเรียกร้องไม่ให้ netflix ชนะรางวัลออสการ์มาแล้วแต่ตอนหลังก็มาแสดงจุดยืนว่าเขาสนับสนุนความบันเทิงในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นจอใหญ่หรือจอเล็ก
ช่วงหยุดอยู่บ้านแบบนี้ทั้งสองค่าย Streaming คงได้สมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ใครชอบภาพยนตร์ของใครก็เลือกดูกันได้ตามใจชอบ
สงคราม TECH WAR ยุคใหม่ระหว่าง Apple และ Microsoft
สงครามเทคโนโลยีระหว่าง Microsoft และ Apple งั้นได้ยุติลงมาหลายปีแล้วหลังจากที่ บิลเกตส์ ร่วมลงทุนใน Apple 150 ล้านดอลลาร์ สมัยก่อน Bill Gates และ Steve Jobs ขัดแย้งกันในเรื่องของ Steve Jobs กล่าวหาว่า Microsoft ขโมยความคิดของ Apple ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเรียนแบบระบบปฏิบัติการ ของ Apple และเรื่องราวก็ได้ยุติลงในช่วงปี 1997 ในช่วงที่ Steve Jobs กลับเข้ามาบริหารบริษัท Apple อีกครั้ง
ปัจจุบันทั้ง Apple และ Microsoft ก็ได้เปลี่ยนตัว CEO ไปแล้ว แต่สงครามระลอกใหม่ก็กำลังเกิดขึ้น Microsoft เตรียมตัวออก Windows 11 ปลายปีนี้ และก็ได้ไป ผูกมิตรกับศัตรูของ Apple ถึง 3 ค่ายด้วยกัน คันแรกก็คือ Amazon ที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมา เรื่องการนำเอา Application ขึ้นไปขายใน App Store ของ Apple ซึ่ง Amazon ไม่ยอม จ่ายค่าการตลาด 30 เปอร์เซ็นต์ให้กับ Apple เนื่องจากว่า Application ของ Amazon มีการซื้อขายภายในแอป ไม่ใช่แค่ซื้อ App อย่างเดียวแล้วจบ
ล่าสุด Apple ก็มีปัญหากับบริษัท ที่ epic Game Store ที่ต้องการให้ Apple ลดค่าการตลาดลงจาก 30% เมื่อดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ผ่าน App Store แต่ Microsoft ก็ไปจับมือกับ บริษัทผลิตเกมแห่งนี้ ซึ่งเกมการฟ้องร้องในครั้งนี้ ก็มี Microsoft ให้การสนับสนุนทางด้านกฎหมาย ด้วยเช่นกัน Apple ถูกกล่าวหาว่าผูกขาดใน App Store เพราะ epic game จ่ายรายได้ให้นักพัฒนา 80% ปัจจุบัน Apple ได้ถอด epic game ออกจาก Store ไปแล้ว
Windows 11 ของ Microsoft จะสามารถติดตั้งแอปพลิเคชั่น Android บนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย ซึ่งทำให้ผู้ที่ใช้ Microsoft อยู่แล้วต่างตื่นเต้นว่าจะสามารถติดตั้ง Application ที่อยู่บนโทรศัพท์มือถือ Android ได้ด้วย ไม่ชอบเองเก่าว่าเขาจะลดราคา ค่า การตลาดลงให้ต่ำกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ซึ่งก็จะทำให้ผู้ที่ผลิต Application ต่างๆมุ่งหน้ามาที่ Android และ Microsoft มากขึ้น Google เป็นอีกบริษัทที่ Steve Jobs โกรธ ที่ทำระบบปฏิบัติการออกมาเลียนแบบ ถึงขนาด ถอด Google Map ออกไปจากระบบปฏิบัติการ iOS
ปิดท้ายด้วยสงคราม อินเทอร์เน็ตดาวเทียม โครงการ Starlink ของ elon musk ปล่อยดาวเทียม เป็นพันดวง เพื่อจะทำอินเตอร์เน็ตดาวเทียมวงโคจรต่ำ ตอนนี้เขามีคู่แข่งแล้วนะครับจีนก็เริ่มทำ
บริษัท LinkSure Network ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีดาวเทียมและอินเทอร์เน็ตของจีนเปิดตัวโครงการ LinkSure Swarm Constellation System ซึ่งเป็นโครงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบดาวเทียม เพื่อให้ประชากรบนโลกสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
โครงการดังกล่าวจะประกอบด้วยดาวเทียม 272 ดวง ที่จะถูกปล่อยขึ้นสู่วงโครจรในแต่ละระดับและเคลื่อนที่อยู่รอบโลก และสำหรับดาวเทียมดวงแรกของโครงการที่ชื่อว่า LinkSure หมายเลข 1 จะถูกปล่อยจากฐานปล่อยดาวเทียมจิ่วฉวน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนไปแล้วเมื่อ ปี 2019 และภายในปี 2020 ทางบริษัทจะปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรอีก 10 ดวง
เพื่อที่จะให้ ประชาชนชาวจีนนั้น ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ผ่านดาวเทียมซึ่งจะครอบคลุมในพื้นที่ เสาสัญญาณเสาโทรศัพท์นั้นไปไม่ถึง หรือไม่ต้อง ใช้สาย Fiber Optic อันนี้เป็นสิ่งที่น่าจับตามอง ครั้งแรกหลายคนกลัวว่า elon musk จะเข้าไปตีตลาด 5g หรืออินเตอร์เน็ต ความเร็วสูงวงโคจรต่ำ ที่ประเทศจีนดังนั้นรัฐบาลจีนก็รับมือ ด้วยเพื่อควบคุมการใช้อินเตอร์เน็ตของประชากรในประเทศ ประชาชนชาวจีนนั้น ยังชม netflix เหมือนพวกเราชาวไทยไม่ได้