โรงเรียนในนิวยอร์กได้นำเทคโนโลยีจดจำใบหน้ามาใช้เพื่อความปลอดภัย แต่ ก็มีผู้ไม่เห็นด้วยที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ โดยเขาอ้างว่าจะทำให้เกิดความไม่เป็นส่วนตัวและความละเอียงในการใช้งาน สาเหตุของการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ สาเหตุมาจากเหตุ กราดยิงนักเรียนเมื่อปี 2019
โรงเรียนที่นำระบบนี้มาใช้นำร่องก็คือโรงเรียนรัฐบาลในเมือง Lockport เมืองเล็กๆที่ห่างออกไป 20 ไมล์ โดยระบบนี้จะทำการตรวจจับใบหน้าของผู้ที่โรงเรียนคิดว่าไม่น่าไว้ใจเช่นผู้ที่ถูกให้ออกจากโรงเรียน ผู้ที่มีประวัติก่ออาชญากรรม หรือ มีประวัติการล่วงละเมิดทางเพศ เป็นตั้น และระบบจะตรวจอาวุธ ปืนด้วย เมื่อกล้องหลายร้อยตัวตรวจพบในบริเวณใกล้กับโรงเรียน ก็จะ ส่งสัญญาณไปยัง รปภ
แต่เรื่องนี้ก็มีผู้ไม่เห็นด้วย โดยนาย Jim Shultz อายุ 62 ปีผู้ปกครองของนักเรียนมัธยมในโรงเรียนแห่งนั้นก็ออกมาโพสต์ปัญหาในกลุ่มเฟสบุค และยื่นตำร้องไปที่ผู้กำกับของเมื่องที่ลูกของเขาเรียน โดยเขาให้เหตุผลว่า โรงเรียนกำลังจะเปลี่ยนลูกหลานของพวกเขาให้กลายเป็นหนูทดลองในการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงบุกรุกความเป็นส่วนตัว
จริงๆแล้วเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ของบริษัทนี้ถูกนำไปใช้ในสถานที่ต่าง ๆ บ้างแล้ว เช่นสนามบิน สถานที่สาธารณะอื่น ๆ เช่น Madison Square Garden
ส่วนผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของโรงเรียนล็อคพอร์ดซิตี้ ก็กล่าวว่าเขาเชื่อว่า การใช้เทคโนโลยีนี้เหตุการการดยิงที่ ฟลอริดาก็อาจจะไม่เกิดขึ้น
มุมมองของนักเรียนกันบ้างเด็กคนหนึ่งบอกว่า เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องติดกล้องมากมายเขาไม่รู้เหตุผล แต่ ก็มีเด็กที่รู้เหตุผลเขากล่าวว่าโรงเรียนของเขาสุดยอดมาก
ความเห็นของ นาย Shult ที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ได้รายงานไปยัง สหภาพเสรีภาพ พลเรือนนิวยอร์ก กลัชี้ไปที่ประเด็นความลำเอียงในเชื้อชาติ ผิวสี เขารายงานโดยให้ข้อมูลทางสถิติว่าปี 2558-2559 นักเรียนผิวสี ถูกลงโทษทางวินัย 25%
Jason nance ศาสตราจารย์ด้านกฏหมายของมหาวิทยาลัยฟลอริดา ให้ความเห้นว่า การระบุนักเรียนว่าเป็นบุคคลที่เฝ้าระวัง อาจจะมีผลกระทบที่ไม่ได้ตั้งใจ หากนักเรียนที่ถูกพักการเรียนอาจถูกตรวจสอบอย่างหนัก และอาจจะจูงเข้าสูกระบวนการยุติธรรมโดยที่ไม่คาดคิด
อ้างอิง
https://www.nytimes.com/2020/02/06/business/facial-recognition-schools.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น