วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2560

การเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศในปี 2017 และการแข่งขันกันทาง e-commerce

ในยุคที่ใครๆก็ใช้งาน Internet ตั้งแต่เด็กจนถึงสูงวัย มีการเปิดเผยจาก ETDA หรือ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ว่ามีการใช้งาน Internet ผ่าน

85.5 % ใช้ สมาร์ทโฟน เฉลี่ย 6.2 ชั่วโมงต่อวัน
62.0 % ใช้คอมพิวเตอร์ เฉลี่ย 5.4 ชั่วโมงต่อวัน
48.7 % ใช้คอมพิวเตอร์พกพา 4.7 ชั่วโมงต่อวัน



กิจกรรมของคนส่วนใหญ่ใช้งานอะไร

Youtube 97.3%
Facebook 94.8%
Line 94.6%
Instragram 57.6%
Twitter 35.5%
What-app 13.7%

สำหรับคนในแต่ละ Gen เขาใช้อะไรกันบ้าง


baby boom นิยมใช้  Line , Youtube, Facebook
Gen X นิยมใช้ Line , Youtube, Facebook
Gen Y นิยมใช้ Youtube , Facebook, Line
Gen Z นิยมใช้ Youtube, Facebook, Line

สำหรับในปีนี้ 2017 เราอาจจะต้องมาดูกันว่าจะมีอะไรเชื่อมต่อ Internet ได้บ้างเพราะปีทีผ่านมาอุปกรณ์ที่เข้าถึง Internet ได้ก็คือ SmartTV มีการแบ่งยุคของ Internet ดังนี้ครับ
web 1.0 ยุคที่เจ้าของเว็บเป็นเจ้าของเนื้อหาสื่อสารกันทิศทางเดียว IoC Internet Of Content
web 2.0 ยุคที่เจ้าของเว็บไม่ได้เป็นเจ้าของ Content แต่เป็นการสื่อสารสองทาง IoP หรือ Internet Of Peoples ก็คือยุค Social media ในปัจจุบัน
web 3.0 ยุคที่ content จะมาจากสิ่งของต่าง ๆ เช่น TV รองเท้า นาฬิกา  เรียกยุคนี้ว่า Internet Of Things


จากที่เคยกล่าวไว้ว่าเริ่มมีลำโพงเชื่อมต่อ Internet ได้สื่อสารกันด้วยเสียงออกมาขายกันแล้ว และเริ่มมีอุปกรณ์ Smart Home เพิ่มขึ้น เช่น สวิทย์ปิดปิดไฟสั่งการผ่านมือถือนอกบ้านได้

หมายเหตุ ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บ ETDA

อุปกรณ์ทันสมัยเหล่านี้หาได้จากที่ไหน?

เมื่อพฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนมาใช้งาน Internet จังหวะในการทำธุรกิจมาถึงจุดที่คนติดหน้าจอก็สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออกไลน์ ตั้งข้อสังเกตุว่าการซื้อของในช่วงปลายปี 2016 ที่ผ่านมา การส่งสินค้าจากประเทศจีนเร็วขึ้นจนผิดสังเกตุ

จัดอันดับการจัดส่ง (ประสบการณ์ส่วนตัว)

1. Aliexpress จากที่เคยใช้เวลาส่งของ 1 เดือน เหลือเวลาแค่ 1 - 2 สัปดาห์
2. LAZADA จาก 1 - 2 สัปดาห์ สินค้าบางอย่างใช้เวลา 1 เดือนก็มี
3. ezbuy ใช้เวลา 3 - 4 สัปดาห์

สำหรับสินค้าจากในประเทศไทย หลาย ๆ ร้านยังส่งเร็วขึ้นเหลือเวลา สามวันก็ได้สินค้าแล้วซึ่งเป็นข้อได้เปรียบ แต่เรื่องของราคาถ้าเป็นสินค้าจากจีน ต้องรีบปรับตัวเรื่องราคา

ดังนั้น ใครที่คิดว่าจะสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศแล้วนำมาขายต่อแบบซื้อมาขายไปผมคิดว่ายังสามารถทำการตลาดแบบออฟไลน์ได้แต่ถ้าจะเอาเข้ามาขายแบบออนไลน์อาจจะต้องระมัดระวังหน่อยครับเพราะ ราคาสินค้าที่ขายในประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ยังมีราคาสูง บางรายการราคาแพงกว่าถึง 1 เท่า หากราคาสินค้าไม่ปรับลงมาเพื่อให้สามารถระบายสินค้าออกไปให้รวดเร็ว อนาคตอาจจะทำให้การขายสินค้าออกไปได้ช้าลงได้

ข้อมูล ออกอากาศทาง FM 101 วันพุธ 10:30 - 11:00 น ช่วงโต๊ะข่าวไอที



ไม่มีความคิดเห็น: