วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

หุ่นยนต์ยักษสองตัวระหว่าง MegaBots และ Suidobashi ศักดิ์ศรีของสองประเทศ

วันนี้มีเรื่องสนุกๆสำหรับคนที่ชื่นชอบหุ่นยนต์มาเล่าสู่กันฟังส่วนใครจะเชียร์ใครก็แล้วแต่ความชอบเป็นการท้าทายกันของบริษัทผลิตหุ่นยนต์สองค่ายระหว่างอเมริกา และ ญี่ปุ่น คือบริษัท  U.S. robotics company MegaBots และ Suidobashi Heavy Industries ทั้งสองค่ายใช้เวลาสองปีในการสร้างและระดมทุนใน โดย Megabot ได้ระดมทุนมีผู้สนับสนุนจาก 8000 คนได้ทุนทั้งหมด จาก  $554,600 ใน crowdfunding เพื่อนำไปอัพเกรดการยิง เพนท์บอล



โดยทาง ญี่ปุ่นไม่ได้ประกาศว่าตนเองได้รับเงินสนับสนุนเท่าไหร่ หุ่นยนต์ที่น่าจะมีข่าวออกมาเรือย ๆ ก็จะเป็นฝั่งของ Megabot เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ในเดือนสิงหาคม บริษัท ได้ เปิดตัว หุ่นยนต์ที่จะมีส่วนร่วมในการสู้รบอย่างเป็นทางการครั้งนี้ชื่อว่า Eagle Prime มีน้ำหนัก 12 ตัน (24,000 ปอนด์) มีความสูง 16 ฟุตและสามารถนั่งได้สองคน หุ่นยนต์นี้ใช้เครื่องยนต์ V8 LS3 กำลัง 430 แรงม้าและมีราคา 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ 

สำหรับทางญี่ปุ่นเองใช้หุ่นยนต์ชื่อ Kurata ของ Suidobashi ซึ่ง มีน้ำหนัก 6.5 ตันและสูงประมาณ 13 ฟุต ข้อมูลนี้มาจาก PC Mag  เมื่อสองปีที่แล้วมีการท้าทายกันครั้งแรก Suidobashi CEO และผู้ก่อตั้ง Kogoro Kurata กล่าวว่าทีมของเขาไม่สามารถปล่อยให้ประเทศอื่นชนะได้เนื่องจากหุ่นยนต์ยักษ์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่น 

การต่อสู้จะมีขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม เวลา 1 ทุ่ม ผ่านทาง https://go.twitch.tv/megabotsinc

สังเกตว่าเงินระดมทุนไม่พอแต่คงต้องการกำลังใจกันมากกว่าว่าจะมีใครสนใจและเชียร์กันมากน้อยแค่ไหน งานนี้ทางญี่ปุ่นเองบอกว่าต้องสามารถสู้กันแบบประชิดตัวได้ งานนี้เป็นทั้ง กีฬา และรายการทีวีที่น่าจะเป็นครั้งแรกหลังจาก ที่เราเคยได้ชมกันทางภาพยนต์เรื่อง real steel แต่ครั้งนี้เป็นของจริง

เรามาวิเคราะห์กันครับว่างานนี้เขาทำกันไปทำไม สร้างหุ่นในราคาแพงมาต่อสู้กัน ในเชิงของการบันเทิงในรูปแบบทีวีอินเตอร์เน็ต เชื่อว่างานนี้สร้างรายได้ให้กับ ทางผู้จัด ไม่น้อยซึ่งหลังจากวันนี้คงได้มีการเปิดเผยกัน งานนี้ รายได้จากผู้ให้การสนับสนุนเหมือนกับ กีฬาทั่วไป และ รายได้จากลิขสิทธ์ ถ่ายทอดสด

เรื่องราวของวันนี้ที่บ้านเรายังมีปัญหากับทีวีดิจิทัลแต่ในเรื่องของอินเตอร์เน็ตทีวีแบบบอกรับสมาชิก อย่างที่เรารู้จักดีเช่น HBO netFlix และ Twitch ที่เก็บค่าสมาชิกจากคนดูทั่วโลกเดือนละ 4$ บ้างหรือ 5$ บ้างเพราะการเลือกชมภาพยนต์หรือชมรายการทีวีเปลี่ยนไปแล้วสำหรับคนในยุคนี้ เพราะเวลาส่วนใหญ่อยู่กับหน้าจอ คอมพิวเตอร์หรือ มือถือเป็นหลัก

เราสามารถติดตามเรื่องราวต่าง ๆ ได้จากแหล่งข้อมูล เว็บของ https://www.megabots.com/ twitter 

แหล่งข่าว : PC MAG  , Adafruit BNBC Twitter




วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

แนวโน้มของเทคโนโลยีที่ในอีกสิบปีข้างหน้า

สัปดาห์นี้จะพูดถึงเทรนที่จะทำนายให้เห็นถึงเทคโนโลยีในอนาคต ที่เปิดเผยโดย gartner ล่าสุดที่เรียกว่า Hype Cycle 2017 ที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2017 เทคโนโลยีใหม่ที่ จะเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจได้ เช่น Blockchain , ปัญญาประดิษฐ์ และ Augmented Reality


ในอนาคตที่มากกว่า 10 ปี มีการพูดถึงเทคโนโลยีที่เรียกว่า Brain computer interface นั่นหมายความว่าถ้าสำเร็จ มนุษย์อาจจะต้องถูกปลูกถ่ายชิฟ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น 
สำหรับเทคโนโลยีอันใกล้นี้ หมายถึง 5 ปี Hype Cycle ระบุว่า Machine learning , Blockchain ,Drones เชิงพาณิชย์ , Software เพื่อการรักษาความปลอดภัย ที่สำคัญที่เข้ามาใหม่คือเรื่อง Brain-Computer interfaces
สำหรับเทคโนโลยีที่ควรโฟกัส มีสามเรื่องด้วยกันที่เป็น mega-tren คือ

Artificial intelligence(AI) Everywhere

จะเข้าไปมีบทบาท ในหลายๆ ด้าน , ผู้รำทางด้านเทคโนโลยีจะต้อง คาดการเรื่องเหล่านี้ เพราะจะมีผลกระทบกับธุรกิจ ลองดูว่า จะเอา Ai มาทำประโยชน์อะไรกับธุรกิจเราได้บ้าง

Digital Platforms

ที่ประกอบไปด้วย Iot platform , Blockchain,5G, แบะอื่นๆ มองดูว่า ธุรกิจของเรา
จะเอา Blockchain มาทำประโยชน์อะไรกับธุรกิจของเราได้บ้าง หรือ Machine Learning เพื่อจะได้แข่งขันในอีก 5 - 10 ปีข้างหน้า

Transparently Immersive Experiences

ประกอบไปด้วย 4D Printing , Augmented Reality, Brain-Computer Interface, Connected Home และอื่นๆ ดูเพิ่มเติมจากตารางสรุป


ตัวอย่างของเทคโนโลยีเทรน AI Everyware 

 ยานพาหนะที่มี AI จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุลงได้ การเอา IOT และ AI มาช่วยในเรื่องการจัดการจราจร การขนส่งมวลชน ก็จะช่วยให้ผู้คนวางแผนการเดินทางได้มาก

Transparently Immersive Experiences

ตัวอย่างที่เห็นในเรื่องนี้ก็อย่างเช่น เมื่องาน F8 conference ที่เฟสบุคจัดขึ้นก็จะเห็นว่ามีการเปิดตัว Camera Effects Platform เพื่อเชื่มกับโลกเสมือนจริงของ Social เข้าหากัน การใช้ AR ในอนาคตก็จะเริ่มมีมากขึ้น เช่นที่เห็นก็จะเป็น Game 

อ้างอิงจาก Gartner